วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Japan 1st Time SP1 : การแต่งกายที่ญี่ปุ่นช่วงเดือนกุมภาพันธ์

อีกเรื่องที่ชวนประสาทกินคือ แต่งตัวยังไง? จะหนาวแค่ไหน? ควรใส่อะไรมั่ง? สำหรับคนที่เพิ่งไปเมืองหนาวครั้งแรกมันจินตนาการไม่ออกจริงๆ นะคะ ว่ามันหนาวยังไง หนาวแบบไหน หลังจากหาข้อมูลจากหลายๆแหล่ง นี่คือสิ่งที่เราใส่ค่ะ







งานนี้ใส่ยูนิโคล่แทบทั้งตัวค่ะ เพราะมันถูกและน่าไว้ใจที่สุดแล้ว รวมทั้งดีไซน์ก็เข้ากับเราที่ชอบแบบเรียบๆอยู่แล้วด้วย


เราเตรียมเสื้อผ้าช่วงเดือนม.ค. - ก.พ. ซึ่งใกล้หมดฤดูหนาวแล้ว มันไม่มีสินค้ามาเติมแล้ว มีแต่จะโละออก ของใหม่ที่เข้ามาก็จะเป็นของฤดูใบไม้ผลิแล้ว ข้อดีของช่วงนี้คือเสื้อผ้าฤดูหนาวอย่างพวกฮีทเทค เสื้อโค้ท เสื้อไหมพรม เสื้อฟลีซจะเซลบ่อยและอาจจะลดเยอะขึ้นเพื่อโละของ ทีนี้เราต้องเร็วค่ะ เพราะพอเซลแล้วมันจะไปไวมาก อย่าลืมว่าไม่มีเติมแล้วนะคะ สีพื้นๆ ดีๆ ที่เข้าได้กับทุกชุดจะไปก่อนเขาเลย เหลือแต่พวกสีแสบๆ หรือลายๆ ที่จะยังอยู่ค่ะ





ท่อนบน



เริ่มต้นที่ท่อนบนกันก่อน ชั้นในสุดเป็นฮีทเทคแขนยาวที่ตัวเล็กๆ บางๆ นั่นแหละค่ะ จริงๆ อยากได้แบบ Extra warm แต่ดันหมดซะก่อน สำหรับชั้นนี้ให้เลือกไซส์เล็กๆ ให้แนบเนื้อที่สุดค่ะ ไม่แนบเนื้อมันจะไม่อุ่น เพราะอยู่ในสุดเลยไม่มีใครเห็น เลยไม่ค่อยซีเรียสเรื่องสีเท่าไหร่ แต่ก็เลือกให้กลางๆ ไว้ก่อนค่ะ และเพราะเป็นชั้นในสุด เลยต้องเปลี่ยนทุกวัน เราจะเตรียมไว้ 4 ตัว แล้วไปซักเอาที่นู่น ใส่นอนตอนกลางคืน พอเช้ามาก็ใส่ออกไปข้างนอกต่อได้เลย กลางคืนเราไม่มีเหงื่ออยู่แล้ว ไม่ได้โดนฝุ่นหรือมลพิษอะไรด้วย


ชั้นต่อมาเป็นฮีทเทคฟลีซคอเต่าค่ะ ชั้นนี้ก็เลือกให้แนบเนื้อเหมือนกันค่ะ แต่ควรเผื่อสำหรับชั้นในซะหน่อย เราเลือกไซส์เดียวกันนะ รู้สึกคับนิดๆ แต่ถ้าใส่ในที่ที่เย็นพอ ความอึดอัดจะหายไปเองค่ะ เพราะมันเป็นคอเต่า ช่วงคอมันอาจจะโผล่พ้นเสื้อชั้นนอกออกมา ควรเลือกสีหรือลายที่แมทช์กับเสื้อผ้าตัวอื่นๆ ได้ง่าย และคอเต่าจะช่วยให้คออุ่นโดยไม่ต้องใช้ผ้าพันคอ ลดความเกะกะไปได้หน่อยนึง เนื่องจากชั้นนี้ไม่ได้สัมผัสกับผิวโดยตรง เตรียมไปแค่ 1-2 ตัวก็พอค่ะ


ชั้นต่อมาเป็นชั้นที่เราจะใส่โชว์ให้สาธารณชนเห็น (แต่จริงๆ ก็แทบจะโดนโค้ทบังหมด) เลือกเป็นเสื้อไหมพรมหรือสเว็ตเตอร์สวยๆ กี่ตัวก็ได้ แล้วแต่พื้นที่ว่างในกระเป๋า เราเอาไป 3 ตัวค่ะ ใส่สลับๆ กันแค่พอไม่ให้ดูเหมือนใส่ชุดเดิมทุกวัน





โค้ท



ชั้นนอกสุด เสื้อโค้ทหรือเสื้อชั้นนอก มีทั้งแบบสั้นและแบบยาว แล้วแต่ว่าจะชอบแบบไหนเลยค่ะ จะเลือกแบบที่ดูภูมิฐานหน่อยแต่หนักมาก หรือจะเอาแบบเบาสบายแต่ถ้าคนเจ้าเนื้อใส่แล้วอาจจะดูเป็นมาสคอตยางมิชลินอย่างเสื้อขนเป็ดก็ได้


เสื้อโค้ทนี่จะมี 2 แบบนะคะ คือโค้ทบางกับโค้ทหนา โค้ทบางสำหรับช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิ ส่วนโค้ทหนาสำหรับฤดูหนาวเนื้อจะหนากว่าและจะบุนวมข้างในค่ะ โค้ทบางน่าจะเริ่มมาช่วงกันยา ตามด้วยโค้ทหนาในเดือนตุลา และช่วงกุมภาก็น่าจะมีโค้ทบางออกมาอีกรอบ เราไม่แน่ใจเรื่องช่วงเวลาเท่าไหร่ แต่ก็คิดว่าน่าจะประมาณนี้แหละค่ะ


เสื้อขนเป็ดก็เช่นกันค่ะ ของ Uniqlo จะมี Ultra light down ที่สามารถม้วนเก็บใส่ถุงพกพาได้ แต่จะบางและกันหนาวได้น้อยกว่า มักจะออกมาช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิ ส่วน Down จะหนากว่า และม้วนเก็บไม่ได้ อันนี้สำหรับฤดูหนาวค่ะ


เราเลือกเป็นแบบ Ultra light down เพราะมันเก็บง่าย เอาอยู่นะคะ เพราะเราเซฟข้างในดี ทาคายาม่าช่วงนี้น่าจะอยู่ที่ลบต้นๆ ไม่น่าต่ำกว่า -5 นอกจากว่าจะเจอแจ็คพอต แต่ถ้าไปฮอกไกโดที่หนาวกว่านี้ โดยเฉพาะแถบเหนือๆ อย่าง Asahikawa แนะนำให้ใช้ Down ไปเลยน่าจะเซฟกว่าค่ะ





ท่อนล่าง



ท่อนล่าง ชั้นในเป็นถุงน่องฮีทเทคแบบไหมพรม จะหนาและอุ่นกว่าฮีทเทคธรรมดา หรือจะเลือกเป็นแบบบุขนนุ่มๆ ข้างในก็ได้ค่ะ แบบนี้ที่ยูนิโคล่ไม่มีขาย แต่ตามร้านขายเครื่องกันหนาวจะมีอยู่ค่ะ ราคาน่าจะพอๆ กัน เราชอบของยูนิโคล่ตรงที่มันซัพพอร์ตคนตัวสูงมากกว่า ถึงเราจะไม่ได้สูงมากมาย แต่ก็เกิน 160 ของร้านเครื่องหนาวทั่วไปนี่ซัพพอร์ตประมาณ 160 สูงกว่านี้มันจะขึ้นไม่สุด เป้ามันจะยานและน่ารำคาญมาก การเลือกใส่ถุงน่องแบบนี้ทำให้ไม่ต้องใส่ถุงเท้าเลยค่ะ และเพราะมันสัมผัสกับผิวหนังโดยตรง เราเลยเตรียมไป 4 ตัว เปลี่ยนทุกวัน ไปซักเอาที่นู่น ใส่เหมือนเสื้อฮีทเทคชั้นในสุดคือใส่นอน เช้ามาก็ใส่ออกไปข้างนอกต่อค่ะ


ชั้นนอกเป็นกางเกงขายาวทั่วไปสำหรับใส่โชว์เลย เราเอากางเกงเลกกิ้งฮีทเทคกับยีนส์ไปไว้ใส่สลับกันค่ะ ถ้าไปที่หนาวกว่านี้ อย่างไปลุยหิมะที่ฮอกไกโด อาจจะใส่กางเกงคาร์โก้ทรงหลวมๆ ที่บุขนข้างในสำหรับฤดูหนาวทับไปอีกชั้นก็ได้ค่ะ และในทางกลับกัน คนที่ไม่ขี้หนาวเท่าเราจะลดระดับถุงน่องลงมาเป็นฮีทเทคแบบบางธรรมดาๆ หรือจะตัดไปเลยก็ได้นะคะ ส่วนสาวๆ จะใส่กระโปรงหรือกางเกงขาสั้นกับถุงน่องดำก็ได้ค่ะ





รองเท้า





ตอนแรกเราใส่รองเท้าผ้าใบธรรมดาไปค่ะ ใส่ที่โตเกียวได้ แต่ที่นาโกย่าหนาวไม่ไหวจริงๆ ค่ะ ส่วนทาคายาม่า - ชิราคาว่าโกะเป็นเมืองหิมะ ถ้าคิดจะไปเมืองพวกนี้ควรซื้อบูทลุยหิมะไปเลยดีกว่า มันจะกันน้ำได้ระดับนึง หิมะมันก็คือสถานะหนึ่งของน้ำนั่นแหละค่ะ ถึงจะไม่เปียกเท่าฝน แต่พอโดนเยอะๆ เข้ามันก็เปียกได้ไม่ต่างกัน และการบุในรองเท้าของบูทลุยหิมะจะดีกว่า ใส่แล้วเท้าอุ่นสบายเลยหละค่ะ คู่นี้เท่าที่ใช้มารู้สึกจะทนหิมะหนักๆ ที่ชิราคาว่าโกะได้ประมาณชั่วโมงนึงค่ะ ก่อนจะเริ่มดูเปียกๆ เหมือนน้ำจะซึมเข้าไปได้



พื้นรองเท้า ควรเกาะพื้นได้ดีเพราะพื้นเป็นน้ำแข็ง มันจะลื่น เราเองก็ดูไม่เป็นเหมือนกันค่ะ ว่าแบบไหนถึงจะยึดเกาะดี แต่คู่นี้เกาะพื้นไม่ดีเท่าไหร่.....เอาจริงๆคือน่าผิดหวังในเรื่องของการเกาะพื้นค่ะ เจอน้ำแข็งเข้าไปต้องออกแรงเกร็งจิกพื้นเองตลอด (- -;)

รองเท้าคู่นี้เป็นของยี่ห้อ Hawkins รุ่น grace garden ราคา 6,372 เยน ซื้อมาจากร้าน ABC-MART ซึ่งเป็นร้านรองเท้าที่มีสาขาอยู่ทั่วไปในญี่ปุ่นค่ะ




ถุงมือ



ซื้อจากร้าน...เอ่อมมมม...ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นร้านแนวๆ ชุดชั้นในที่มีพวกถุงเท้าถุงน่องขายด้วยที่สถานีนาโกย่าค่ะ ราคาจำไม่ได้แล้ว แต่ไม่แพงค่ะ ใครทนได้ก็ไม่ต้องซื้อ แต่เราเป็นคนมือเย็นง่าย ใส่แล้วก็ยังเย็นแทบเป็นน้ำแข็งอยู่ แต่ก็ดีกว่าไม่ใส่เยอะค่ะ ใช้กับสมาร์ทโฟนไม่ได้ นอกจากว่าโทรศัพท์ของคุณจะมีโหมดถุงมือ โทรศัพท์เรามีโหมดนี้เลยได้โอกาสลองใช้ซะเลย และพบว่าน่าหงุดหงิดทีเดียวค่ะ

ถุงมือบางแบบจะใช้กับสมาร์ทโฟนได้นะคะ เขาจะมีป้ายติดไว้ค่ะ ลองหาดูนะ





หมวก


ถ้าไปเมืองหิมะที่หิมะตกจริงจังตลอดเวลาก็ควรมีติดไปค่ะ หรือจะใช้ฮู้ดที่ติดมากับเสื้อโค้ทก็ได้ แต่เราไม่ค่อยชอบฮู้ดของเสื้อดาวน์รุ่นนี้เท่าไหร่ค่ะ ใส่แล้วรู้สึกเหมือนเป็นหนอนยังไงก็ไม่รู้ แล้วขอบบนมันชอบลงมาบังตา มองอะไรลำบากค่ะ








เราเป็นคนขี้หนาวมาก ช่วงที่เราไปอุณหภูมิน่าจะอยู่อยู่ในช่วง -3 ถึง 7 องศาค่ะ ใครที่คิดว่าตัวเองไม่น่าจะขี้หนาวเท่าเราก็สามารถปรับลดบางชั้นออกไปได้ค่ะ เช่น เลือกใส่ระหว่างฮีทเทคแบบบางหรือฟลีซแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือจะใส่เสื้อแขนยาวธรรมดาก็ได้ หรือถ้าใครขี้หนาวกว่าเรา อาจจะเพิ่มแจ็คเกตกันหนาวเข้าไปอีกสักชั้นก่อนจะใส่โค้ททับอีกทีก็ได้ค่ะ โค้ทเป็นสิ่งที่ควรใส่นะคะ เพราะมันจะช่วยกันลมและละอองฝนหรือหิมะได้ระดับนึงเลยค่ะ


เนื้อผ้าก็เป็นสิ่งสำคัญค่ะ จะไปที่หนาวๆ แนะนำให้เลือกแบบที่เป็นผ้าอะคริลิค (Acrylic) หรือขนสัตว์ (Wool) นะคะ ฝ้ายหรือลินินเก็บไปค่ะ เอาไม่อยู่ค่ะ เราเคยใส่เสื้อไหมพรมเส้นใยฝ้ายในฤดูหนาวบ้านเราที่อุณหภูมิประมาณ 20 องศา ปรากฏว่าหนาวกว่าเดิมอีกค่ะ (T﹏T)


แฟชั่นของคนญี่ปุ่นในช่วงนี้เป็นสีทึมๆ ค่ะ ส่วนใหญ่จะใส่โค้ทดำยาวคลุมเข่ากัน ก็ไม่ได้แต่งตัวเก๋ๆ ชิคๆ ฉูดฉาดเหมือนหลุดมาจากนิตยสารแฟชั่นวัยรุ่นขนาดนั้นหรอกค่ะ เขาก็แต่งแบบธรรมดา เรียบๆ แค่ให้มันดูดีพอที่จะออกนอกบ้านได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องคิดมากค่ะ








ความรู้สึกส่วนตัวต่ออากาศหนาวในแต่ละที่



เรารู้สึกว่าเวลาหิมะพยายามจะตกในที่ที่ไม่ใช่เมืองหิมะ มันจะหนาวทรมานกว่าเมืองหิมะที่เต็มไปด้วยหิมะฟูๆ อะค่ะ อย่างโตเกียวหรือนาโกย่าที่ไม่ใช่เมืองหิมะ เวลาหิมะพยายามจะตกมันจะหนาวแสบเข้ากระดูกดำเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นเมืองหิมะมันจะหนาวแบบละมุนอะ ถึงอุณหภูมิจะต่ำกว่า และมีหิมะตกหนักเกือบตลอดเวลาจนต้องกางร่ม แถมยังต้องคอยสลัดหิมะทิ้งออกจากร่มทุก 5 นาที แต่กลับไม่รู้สึกทรมานเท่าค่ะ


อากาศที่โตเกียวเอาแน่เอานอนไม่ได้ค่ะ บางวันร้อน (ร้อนไปสำหรับฤดูหนาวที่นั่น แต่ก็ยังหนาวกว่าบ้านเราเยอะค่ะ) บางวันฝนตก บางวันหิมะตก แล้วหิมะที่ตกที่โตเกียวมันไม่ค่อยเป็นหิมะอะค่ะ ส่วนใหญ่จะมาพร้อมฝน พอหิมะเจอฝนก็ละลายกลายเป็นฝนไปด้วยกัน (T∇T)








 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น