วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ความทรงจำ...วันอุ่นไอรัก


ปิดฉากไปแล้วค่ะ สำหรับงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว ที่จัดขึ้นบริเวณลานพระราชวังดุสิต ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ - 11 มีนาคม 2561 เราเองก็มีโอกาสได้ไปครั้งนึง แล้วก็ดองบล็อกไว้จนเพิ่งอัพได้ในวันนี้ ถึงจะไปเย็นมาก ไปถึงตอนงานจะเลิกแล้ว เลยเก็บรายละเอียดงานได้ไม่มาก แต่ก็เป็นความทรงจำที่ดีทีเดียวค่ะ


งานอุ่นไอรักนี้จะมีชัทเทิลบัสรับส่งตามจุดต่างๆ ในกรุงเทพด้วยค่ะ เราเลือกไปขึ้นที่จตุจักรค่ะ และพบว่าคิดผิด ขึ้นที่อนุสาวรีย์ฯ ดีกว่าเยอะเลยค่ะ


จุดจอดรถชัทเทิลบัส อยู่ใกล้ๆ BTS กับ MRT เลยค่ะ โดยจะอยู่ในรั้วฝั่งตรงข้ามสวน ตรงที่มีรถตู้เข้าไปจอดรับส่งคนน่ะค่ะ




จากจุดจอดรถจะเห็นสถานี BTS อยู่ตรงหน้าอย่างงี้เลยค่ะ

รถที่ใช้จะเป็นรถร้อนสีแดงค่ะ เป็นรถเมล์คันเดียวที่เข้ามาในนี้ เขาบอกว่าปกติจะมีเจ้าหน้าที่ของงานคอยดูแล แต่ตอนที่เราไปดันไม่มี พอไม่มีเจ้าหน้าที่ รถก็ไม่จอดถ้าไม่โบกค่ะ

ด้วยความที่เราเห็นว่าเป็นต้นทาง เป็นจุดจอดที่เป็นทางการ เขาน่าจะจอด เลยไม่ได้โบก และลงเอยด้วยการมองรถแล่นผ่านไปตาปริบๆ ค่ะ

หลังจากนั้นก็นั่งแกร่วรอรถคันต่อไปอีกเกือบชั่วโมง คราวนี้เรารีบลุกขึ้นโบกแบบไม่คิดชีวิตเลยค่ะ ของที่วางอยู่บนตักร่วงกราวเลยทีเดียว

สุดท้ายก็ได้ขึ้นรถตอนเกือบๆ ทุ่มค่ะ รถนี่บริการฟรีด้วยนะคะ





รถทั้งคันมีแค่เราคนเดียว รู้สึก VIP มากค่ะ แต่พอไปถึงอารีย์ก็มีคนขึ้นมาเป็นเพื่อนอีก 2 คน และแน่นอนค่ะ รถไม่ติด ไม่ใช่กรุงเทพ กว่าจะหลุดไปถึงอนุสาวรีย์ฯ เหมือนใช้เวลานานชั่วกัปชั่วกัลป์ รู้งี้ขึ้น BTS มาขึ้นที่อนุสาวรีย์ดีกว่า มีเจ้าหน้าที่คอยประสานให้ด้วย ไม่ต้องเสี่ยงกับการที่รถจะไม่จอด

รถเมล์จะจอดส่งที่จุดจอดซึ่งอยู่ไกลจากงานพอสมควรค่ะ แต่เขาก็จัดรถรับส่งจากจุดจอดไปงานให้อีกทีค่ะ แน่นอนว่าฟรีอีกเช่นกัน

รถเข้างานจะมีทั้งรถสองแถวและรถตู้ตำรวจค่ะ เราได้ขึ้นรถตู้ตำรวจ มีคุณตำรวจในเครื่องแบบมาให้บริการ เลยต้องถามย้ำเพื่อความแน่ใจกันนิดนึงว่าไปงานใช่มั้ย แล้วคุณตำรวจที่เป็นคนขับก็บอกคนที่เป็นฝ่ายต้อนรับให้บอกคนที่จะขึ้นด้วยว่าไปงาน เดี๋ยวเขาจะนึกว่าจะพาไปสน. (T∇T)

นั่งรถมาอีกนิดเดียวก็ถึงงานแล้วค่ะ ตรงทางเข้างานจะมีจุดคัดกรอง ที่มีการตรวจบัตรประชาชนและเครื่องแต่งกายอยู่

อย่างที่เคยเขียนไว้ในบล็อกก่อนหน้า เวลาเข้าวัดเข้าวังจะมีระเบียบการแต่งกายอยู่ค่ะ หลักๆ ก็เสื้อมีแขน กางเกงขายาวหรือกระโปรงยาวคลุมเข่า ไม่ขาด ไม่บาง ไม่รัดรูป คอไม่กว้างหรือลึกจนเกินงาม

แต่ถ้าใครแต่งผิดระเบียบมา เขาก็มีผ้าถุงกับผ้าคลุมไหล่ขายให้ค่ะ ส่วนชุดไทยนั้น ใส่เข้าไปได้เลยค่ะ คนใส่ชุดไทยเยอะมาก เราก็อยากใส่มั่งเหมือนกันค่ะ เท่าที่รู้มาคือมีซุ้มให้เช่าชุดไทยในงานด้วยค่ะ  250 บาท ใส่ได้ทั้งวัน แต่เราหาไม่เจอค่ะ แถมยังมาถึงซะเกือบสองทุ่ม แล้วงานเลิกสามทุ่ม ให้เช่าก็คงไม่คุ้มอยู่ดีอะค่ะ



เข้ามาก็จะเจอพระที่นั่งอนันตสมาคมค่ะ



Illumination สวยไม่แพ้ญี่ปุ่นเลยค่ะ และเขาปิดถนนด้วย ถนนเลยดูโล่งๆ สวยขึ้นไปอีก



เพราะเรามาถึงตอนกลางคืน เลยเก็บภาพบรรยากาศได้ไม่มากนัก ด้วยแสงไฟสว่างไสวจากสปอตไลท์ บวกกับกล้องและฝีมือถ่ายภาพที่ไม่ดีพอ รูปเลยโดนสปอตไลท์บอมบ์หมดเลยค่ะ





ไหนๆ ก็ถ่ายรูปไม่ได้แล้ว งั้นก็เดินหาของกินเลยแล้วกันค่ะ ตอนนั้นคือหิวโซเลย เขาว่าแถวนั้นของกินเยอะ แต่เพราะเราไม่คุ้นกับแถวนั้น บวกกับงานใกล้เลิกแล้ว เลยลองเดินวนหาของกินในงานดูค่ะ แล้วก็มาเจอซุ้มขนมโบราณ ขนมชาววังค่ะ น่าสนใจมาก บางอย่างเราก็ไม่รู้จัก บางอย่างก็เคยได้ยินแต่ชื่อ แต่ส่วนใหญ่จะเก็บร้านกันไปหมดแล้วค่ะ เลยได้กินแค่ 2 อย่างค่ะ


เริ่มต้นที่เมนูแรก ขนมดอกอัญชันค่ะ มาถ่ายรูปทัน แต่ซื้อไม่ทัน เพราะหมดแล้ว อ้าว...




ต่อมาคือล่าเตียงค่ะ


ล่าเตียงคิดเตียงน้อง
นอนเตียงทองทำเมืองบน
ลดหลั่นชั้นชอบกล
ยลอยากนิทรคิดแนบนอน

กาพย์เห่เรือ -- พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ทรงประพันธ์




ล่าเตียงเป็นของว่างโบราณที่ปรากฏในกาพย์เห่เรือของรัชกาลที่ 2 ค่ะ ทำจากไข่เป็ดที่สะบัดให้เป็นตาราง แล้วนำมาห่อไส้ที่ทำจากกุ้งสดผัดกับรากผักชี กระเทียม พริกไทย เป็นขนมที่ประดิดประดอยและสวยมากจริงๆ ค่ะ รู้สึกเป็นบุญที่ได้กินสักครั้ง ถึงตอนกินจะทุลักทุเลไปบ้างก็เหอะ




ล่าเตียง 1 ชุด 60 บาท มี 3 ชิ้นค่ะ




และสุดท้าย ขนมเกสรลำเจียกค่ะ



ขนมเกสรลำเจียก ทำจากแป้งข้าวเหนียวค่ะ น่าจะพรมน้ำหน่อยๆ แล้วเอามาร่อนลงบนอะไรสักอย่างที่ดูคล้ายๆ กระทะ แต่ทรงคล้ายถาดที่ตั้งอยู่บนเตา พอแป้งสุกก็ใส่ไส้ ม้วนๆ เป็นอันเสร็จ จริงๆ ก็ใช้เวลาไม่นานนัก แต่เพราะมีอยู่แค่ 2 เตา กับคนทำคนเดียว มันเลยนาน คิวยาวเฟื้อย ต้องลงชื่อจองไว้ก่อน เราก็วนไปวนมาจนเขายอมขายให้อะค่ะ




เกสรลำเจียก ชุดละ 50 บาท มี 4 ชิ้นค่ะ




ไส้เป็นมะพร้าวอ่อนกวนค่ะ (รึเปล่านะ?) รสหวานอ่อนๆ คล้ายไส้ขนมปันปีค่ะ พูดถึงแล้วก็อยาก ปันปีเป็นขนมที่อร่อยมาก แต่ก็หากินยากมากค่ะ






ในงานจะมีบูธของหน่วยงานต่างๆ มาจัดนิทรรศการและกิจกรรมด้วยค่ะ มีทั้งกรมรถไฟ ไฟฟ้า ประปา ไปรษณีย์ น่าจะมีอย่างอื่นอีก แต่จำไม่ได้แล้วค่ะ ในบูธแคบกว่าที่คิด คนก็เยอะ ส่วนใหญ่ก็มาถ่ายรูป เราก็ขี้เกียจหลบกล้อง เลยไม่ค่อยได้เข้าไปค่ะ เข้าไปก็ได้แค่เดินวนๆ แล้วก็ออก ยืนแช่อ่านหรือดูอะไรไม่ได้ รู้สึกเหมือนเกะกะเขา


งานเลิก 3 ทุ่ม ประมาณ 2 ทุ่มครึ่งเราก็กลับค่ะ กลัวว่าถ้ากลับรอบสุดท้ายรถจะเต็ม ขากลับก็นั่งรถรับส่งของงาน (ได้ขึ้นรถตู้ตำรวจอีกแล้ว) ไปลงข้างหน้า แล้วต่อรถเมล์ฟรีที่เป็นชัทเทิลบัสของงานกลับที่พักค่ะ


ความผิดพลาดของงานนี้คือมาจัดเอาซะเดือนกุมภา - มีนาค่ะ คือมันไม่หนาวแล้ว มันกำลังจะเข้าหน้าร้อนแล้ว เลยเดินไม่ฟินเท่าไหร่ค่ะ ยิ่งใส่ชุดไทยยิ่งร้อนเข้าไปอีก ถ้าจะมีอีก อยากให้จัดสักช่วงธันวา - มกราค่ะ เป็นช่วงหน้าหนาวที่มีโอกาสหนาวจริงๆ ยิ่งเดือนธันวายิ่งเหมาะ เพราะดูเป็นเดือนแห่งงานเทศกาลจริงๆ บรรยากาศรื่นเริงและเต็มไปด้วยความหวังของเดือนนี้ จะส่งให้งานน่าเที่ยวยิ่งขึ้นอีกค่ะ






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น