วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2562

Summer Rain in Kyushu :: Part 1 :: การบินไทย สุวรรณภูมิ​ -​ ฟุกุโอกะ


ได้เวลาออกเดินทางอีกครั้ง สำหรับทริปคิวชูครั้งนี้ เราไปช่วงปลายสุดของเดือนสิงหา ซึ่งเป็นช่วงปลายฤดูร้อน​ของญี่ปุ่น​ค่ะ


เราได้ตั๋วโปรไปกลับกรุงเทพ -​ ฟุกุโอกะ จากการบินไทยมาในราคา 10,980 บาทค่ะ (มีค่าธรรมเนียม​จ่ายเงินอีก 10 บาท)​ เป็นโปรที่เดินทางได้แค่ช่วงเดือน ส.ค. - ต. ค. 62 วันอาทิตย์​ -​ พุธเท่านั้น ถ้าไปเลือกวันอื่นจะเป็นราคาปกติ และได้น้ำหนักกระเป๋าแค่ 20 กก. ค่ะ ซึ่งเราไม่มีปัญหากับเงื่อนไขพวกนี้ และเราอยากไปคิวชูช่วงปลายสิงหาอยู่แล้วด้วย


อ่ะ มาเริ่มกันเลยนะคะ เที่ยวบินของการบินไทยไปฟุกุโอกะ จะออกจากสุวรรณภูมิ​ตอนเที่ยงคืน 50 นาที และไปถึงฟุกุโอกะตอน 8 โมงเช้าค่ะ เป็นเครื่องโค้ดแชร์กับ ANA คนญี่ปุ่นเยอะมาก น่าจะเยอะกว่าไทย


คืนที่เราเดินทาง สุวรรณภูมิ​มีฝนตกตลอด แต่ทุกอย่างเป็นปกติดี จนกระทั่งได้เวลาเครื่องออกแล้วก็ยังไม่ออก นั่งรอไปประมาณ 1 ชั่วโมง กัปตันประกาศว่าเครื่องขัดข้อง กำลังซ่อมอยู่ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ระหว่างนั้นก็ต้องรออยู่บนเครื่องกันค่ะ ลูกเรือเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ครั้งนึง


ถึงจะหงุดหงิดที่ดีเลย์ แต่ก็ดีกว่าให้มันตกหละค่ะ


ระหว่างที่รอซ่อมเครื่อง ลูกเรือก็ถือโอกาสเอาใบตม. และใบศุลกากรญี่ปุ่นมาแจกให้กรอกกันตอนนี้เลยค่ะ อย่าลืมพกปากกาไปด้วยนะคะ


จนกระทั่งเกือบๆ ตีสาม ถึงจะได้ไป เป็นครั้งแรกที่กลัวเครื่องบิน แต่ก็พยายามบอกตัวเองว่า ถ้าไม่ 100% นักบินไม่เอาเครื่องออกหรอก เพราะเขาก็กลัวตายเหมือนกัน และช่างก็คงไม่ซ่อมลวกๆ ด้วยเหมือนกัน เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุ​ขึ้นมา เขาต้องมีความผิดแน่ๆ และจะเป็นตราบาปที่ตามหลอกหลอนเขาไปตลอดชีวิตด้วย


พอเครื่องออกได้ ทุกคนก็เหมือนจะสบายใจและเริ่มหลับกันได้ค่ะ หลังจากเครื่องขึ้นมาได้พักนึง ลูกเรือจะแจกถุงของว่าง มีแซนด์วิชแฮมชีส น้ำเปล่า และทิชชู่เปียกสำหรับเช็ดมือค่ะ



แฮมหนาๆ ชีสแน่นๆ อร่อยมากค่ะ น่าจะมาตั้งแต่ตอนที่นั่งดีเลย์อยู่แล้ว มาตอนนี้คนอื่นเขาหลับกันแล้ว ไม่มีใครกิน ให้เรามานั่งเคี้ยวหยับๆ ปล่อยกลิ่น ก็เกรงใจคนอื่นเขาค่ะ สุดท้ายเลยเก็บไว้กินหลังจากไปถึงแล้ว


เครื่องบินที่ใช้สำหรับเส้นทางฟุกุโอกะ เป็นเครื่อง Airbus A330 จัดที่นั่งแบบ 2-4-2 ค่ะ ที่นั่งกว้างสบายพอให้ขยับตัวเวลาเมื่อยได้ และยังพอเอนเบาะได้บ้าง โดยไม่ทำให้คนข้างหลังหน้าตึง แต่แค่นิดเดียวพอนะคะ แค่พอไม่ให้รู้สึกเหมือนโดนบังคับให้นั่งก้มหน้าตลอดเวลา เพราะถ้ามากกว่านี้ก็อาจจะโดนคนข้างหลังสาปแช่งได้เหมือนกันค่ะ มีหมอนและผ้าห่มวางไว้ให้ทุกที่นั่ง มีจอเอนเตอร์เทนเมนท์​และหูฟังให้ มีหนังให้ดู มีเพลงให้ฟัง แต่ ณ เวลานั้นก็นอนกันอย่างเดียวละค่ะ


หากใครมีปัญหา​ด้านการนอนหลับ หลับยากหลับเย็นอย่างเรา (เป็นแค่ไฟลท์ขาไปเท่านั้นแหละ ขากลับหลับเป็นเด็กเลย)​ เขามีผ้าปิดตาและที่อุดหูให้นะคะ ไม่ได้แจกให้ทุกคน แต่สามารถขอได้ เราขอแค่ผ้าปิดตา แต่ได้ที่อุดหูมาด้วยค่ะ สงสัยเขาให้คู่กัน



เราคิดว่าที่ขาไปนอนไม่หลับคงเป็นเพราะความเครียด เป็นทุกครั้ง เครียดเพราะกำลังเดินทางไปในที่ที่ไม่คุ้นเคย ความตื่นเต้น ความกลัว เครียดกับทริปที่ไม่รู้ว่าจะราบรื่นมั้ย ถ้าเจอปัญหา​เราจะผ่านมันไปได้ยังไง บวกกับความรู้สึกว่าต้องนอน เพราะเป็นไฟลท์ดึกถึงเช้า ไปถึงต้องเที่ยวต่อเลย จะเข้าโรงแรมนอนก่อนไม่ได้ ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน


ส่วนขากลับที่หลับได้ คงเป็นเพราะความเหนื่อยจากการลุยเที่ยวมาหลายวัน บวกกับความสบายใจที่ได้กลับไปยังที่ที่คุ้นเคย แม้จะเป็นการกลับสู่ความจริงที่โหดร้ายก็ตาม (T∇T)



ระหว่างนี้ลูกเรือจะปิดไฟในห้องโดยสาร และขอให้ผู้โดยสารปิดม่านหน้าต่าง เพื่อไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของคนอื่น คนที่นอนไม่หลับก็ดูหนัง อ่านหนังสือ ทำงานเงียบๆ ไป ไม่มีการเสิร์ฟน้ำระหว่างนี้ แต่ถ้าหิวน้ำ สามารถเดินไปขอลูกเรือได้ค่ะ



ก่อนเครื่องลงประมาณ​ 2 ชั่วโมง ลูกเรือจะเปิดไฟในห้องโดยสารและเริ่มเสิร์ฟอาหารค่ะ คนที่สั่งอาหารพิเศษ​ไว้จะได้ก่อน


เราเคยอ่านกระทู้เกี่ยวกับอาหารพิเศษบนสายการบินฟูลเซอร์วิส เป็นอาหารที่สามารถรีเควสได้ตั้งแต่ตอนจอง หลายคนขออาหารพิเศษเพราะอยากได้อาหารก่อน แต่คนส่วนใหญ่จะแนะนำว่า ถ้าไม่มีความต้องการพิเศษ แบบข้อจำกัดทางศาสนาหรือสุขภาพ ให้รอกินอาหารปกติดีกว่า เพราะอร่อยกว่าค่ะ อาหารพิเศษ​จะเป็นแบบไอ้นั่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ แล้วส่วนผสมบางอย่างไม่ใส่แล้วไม่อร่อยค่ะ


อาหารเช้าของเที่ยวบินนี้ มีให้เลือกระหว่างออมเล็ตกับข้าวไก่กระเทียมค่ะ เราเลือกออมเล็ตมา เสิร์ฟมาพร้อมครัวซองต์​ มีเนยกับแยมให้ แล้วก็มีผลไม้สด โยเกิร์ตรสธรรมชาติ​ และน้ำผลไม้ค่ะ มีถ้วยเปล่ามาให้ใส่เครื่องดื่มร้อน ลูกเรือจะเข็นรถมาเสิร์ฟ มีชาเขียว (ไม่แน่ใจว่ามีชาดำด้วยรึเปล่า แต่เหมือนได้กลิ่นอยู่)​ กาแฟ เลือกใส่นมได้ และมีครีมเทียมกับน้ำตาลเป็นซองๆ ให้ ส่วนพวกเครื่องดื่มเย็นจะมีน้ำเปล่า น้ำส้ม น้ำแอปเปิ้ล น้ำมะเขือเทศ​ค่ะ รอบนี้มีน้ำแอปเปิ้ลตลอดการเดินทางแล้ว แฮปปี้มาก เราไม่แตะน้ำส้มเลยค่ะ


ครัวซองต์​อุ่นๆ อร่อยมากค่ะ เราชอบครัวซองต์​อยู่แล้วด้วย รู้สึกว่าชิ้นเล็กไปหน่อย (แต่เติมได้ ลูกเรือเดินถามอยู่ว่าจะรับเพิ่มมั้ย)​ แต่พอคิดดูอีกที ถ้าใหญ่กว่านี้เรากินไม่หมดแน่



ส่วนของจานหลักที่เป็นออมเล็ต เป็นไข่ทอดผสมผักชิ้นหนา มาพร้อมเบคอน มันฝรั่ง และผักโขม



ประมาณ 10 โมงเช้าตามเวลาญี่ปุ่น เครื่องก็เริ่มลดระดับลงจนเห็นพื้นข้างล่างค่อนข้างชัดเจน ฟุกุโอกะที่เห็นจากบนเครื่องบินสวยมากค่ะ




สนามบินฟุกุโอกะมีร่องรอยฝนตก แต่ตอนที่เรามาถึง ฝนหยุดตกแล้วค่ะ


ตอนลงแล้วเบรคค่อนข้างน่ากลัวทีเดียว ไม่รู้นักบินกะจังหวะผิด รันเวย์สั้น หรือรันเวย์ลื่นเพราะน้ำฝน แต่ก็มาถึงโดยสวัสดิภาพค่ะ


ตอนออกจากเครื่อง เราได้ยินพวกสตาฟคุยกันว่าเครื่องมีปัญหา​ที่ระบบเบรคไฮดรอลิกค่ะ ที่ซ่อมกันอยู่ที่ไทยจนดีเลย์หลายชั่วโมงนั่นแหละ บางทีนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้การเบรคไม่นุ่มนวลนักก็ได้ค่ะ


ลงเครื่องมา ก็เข้าด่านตม. รับกระเป๋า และเข้าด่านศุลกากรค่ะ พาสปอร์ตเราเป็นเล่มใหม่ เพราะเล่มเก่าหมดอายุการใช้งาน แต่ตม. ก็ปล่อยเข้าไปแบบไม่ถามอะไรนะคะ


มาโดนตรงศุลกากร เขาถามว่ามาคนเดียวหรอ เราก็บอกใช่ แล้วถามย้ำตรงของต้องสำแดงในใบศุลกากร​ที่เราตอบ No เราก็งงๆ หน่อยว่า No ไปแล้ว ทำไมยังต้องถามอีก แล้วเขาก็เอาใบที่มีรูปของต้องห้ามรึไงนี่แหละ เราจำได้แต่รูปกัญชามาให้ดู แล้วถามว่าเอาของพวกนี้มาด้วยมั้ย เราก็ปฏิเสธไปแบบงงๆ (พี่ถามแบบโต้งๆ อย่างงี้เลยเหรอคะ ใครมันจะไปยอมรับฟระ?! (T∇T))​ แต่คิดว่าคนที่เอามาจริงต่อให้ปฏิเสธก็น่าจะมีพิรุธบางอย่างให้เขาจับได้


จากนั้นเขาก็ขอตรวจกระเป๋า เราก็ยกให้ตรวจแบบงงๆ เพราะไม่เคยโดนมาก่อน แต่เขาใจดีกับเรามากนะ เจ้าหน้าที่อีกคนเอาแผ่นอะไรสักอย่างที่ดูคล้ายๆ สำลีแผ่น แต่ดูเหมือนกระดาษมากกว่ามา ทำท่าเหมือนขออนุญาต​เราใช้แผ่นนี่ เราก็งงๆ ไม่รู้ว่าเขาจะเอามาทำอะไร แต่ก็พยักหน้าไป (แล้วต้องขออนุญาต​ด้วยหรอ ถ้าฉันปฏิเสธก็บิงโกปะ (T∇T))​ แล้วเขาก็เอาแผ่นนั่นมาลูบๆ เช็ดๆ ที่กระเป๋าเรา มันอาจจะทำปฏิกิริยากับยาเสพติดหรืออะไรสักอย่างที่เป็นของต้องห้าม ส่วนอีกคนก็ค้นๆ กระเป๋าไป ค้นแบบใจดีมาก ไม่เกรี้ยวกราดรื้อกระจาย หยิบมาเปิดดูแล้วปิดเก็บเข้าที่ให้ด้วย


มีโมเมนท์ขำๆ ที่ทำให้บรรยากาศ​ผ่อนคลายลงได้หน่อย ตอนที่เขาหยิบไข่กาชาปองของเราขึ้นมาเขย่าดู แล้วถามว่าในนี้มีอะไร เรายังไม่ทันได้ตอบ เขาก็อ๋อ เหรียญ ใช่ค่ะ เหรียญ​เยนนั่นหละค่ะ แล้วเขาก็เก็บเข้าที่เดิม แต่เราก็ฉกมาใส่กระเป๋าสะพายทันที เพราะมาถึงญี่ปุ่นแล้ว เราต้องเปลี่ยนเหรียญ​ในกระเป๋าแล้ว เขาก็ยิ้มๆ เหมือนเข้าใจ หลังจากนั้น​ก็ปิดกระเป๋าแล้วปล่อยเราไปค่ะ


พอหลุดมาได้ก็ออกไปข้างหน้า จะมีป้ายรถบัสอยู่ค่ะ ป้ายหมายเลข 1 จะเป็นจุดจอดรถบัสฟรีไปอาคารในประเทศที่มีรถไฟใต้ดินเข้าเมืองอยู่ค่ะ​


จาก​อาคาร International ไป Domestic ใช้เวลาประมาณ 15 นาที Subway จะอยู่ที่ชั้น B1 ของอาคาร Domestic เดินตามป้ายไปเลยค่ะ


มาถึงซับเวย์ก็กด IC Card ก่อนเลย เพราะเราสะสม ของ Fukuoka Subway จะเป็นฮายากะเคน (はやかけん : Hayakaken) แล้วขึ้นซับเวย์ไปสถานีฮากาตะ (博多 : Hakata) เบสของเราในทริปนี้ค่ะ



สถานีฮากาตะอยู่ห่างจากสนามบินเพียง 2 สถานี ใช้เวลาเดินทางเพียง 5 นาทีโดยรถไฟใต้ดิน (น้อยกว่าเดินทางระหว่าง Terminal อีกเรอะ (T∇T)) ค่าโดยสาร 260 เยน


มาถึงสถานีฮากาตะ ปรากฏว่าฝนตกค่ะ ก็กางร่มเดินงงๆ หาที่พักไป เราไปถึงโรงแรมประมาณเที่ยงกว่า แต่เวลาเช็คอินคือบ่ายสอง เลยฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมแล้วออกไปเดินเล่นก่อนค่ะ


เนื่องจากเป็นวันแรก แพลนวันนี้คร่าวๆ คือเที่ยวเบาๆ ในเมืองฟุกุโอกะค่ะ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี สุดท้ายแล้วเราจะไปโผล่ที่ไหน รอติดตามในเอนทรี่หน้านะคะ ヾ(@⌒ー⌒@)ノ





ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น