วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2559

Summer in Japan Part 2.3 : Hotel Shinimamiya

สำหรับโรงแรมที่โอซาก้านี้ เราจองห้องพักที่ Hotel Shinimamiya จาก Booking.com กันเหมือนเดิมค่ะ ห้องพักแบบแคปซูลส่วนตัวสำหรับ 2 คน 3 คืน ราคา 11,400 เยน จ่ายเงินเมื่อเข้าพัก ยกเลิกได้ฟรีภายในวันที่กำหนด


เรามาถึงโรงแรมกันประมาณเกือบๆตีสาม ตรงไปทำพิธีเช็คอินที่ล็อบบี้ เจ้าหน้าที่ผู้ชายพูดภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียวค่ะ


ห้องพักของเราเป็นแบบใช้ห้องน้ำรวมค่ะ เราพักกันที่ชั้น 3 ซึ่งมีแต่ห้องสุขาชาย เราต้องขึ้นไปใช้สุขาหญิงที่ชั้น 4 ส่วนห้องอาบน้ำอยู่ที่ชั้น 2 ค่ะ เฮ~ (มีลิฟท์ให้ทุกชั้นค่ะ ไม่ต้องห่วง ไม่มีการลากกระเป๋าปุเลงๆขึ้นบันไดแต่อย่างใด)



ไม่มีผ้าเช็ดตัวให้ในห้อง ถ้าอยากได้ ให้มาขอที่ล็อบบี้ ฟรีรึเปล่าไม่แน่ใจ ฟังไม่ทัน แต่ไม่เป็นไรค่ะ เรามีผ้าเช็ดตัวของเรา


มีไวไฟฟรีให้ใช้ทั่วที่พัก(รึเปล่า?) รหัสจะอยู่ที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ ไวไฟ...มันก็ใช้ได้ดี...มั้งคะ คือเวลาที่มันใช้ได้มันก็ดีอะค่ะ แต่เหมือนมันไม่เสถียร คือบางจุดของห้องมันจะเล่นไม่ได้อะ ไม่แน่ใจว่าจับสัญญาณไม่ได้ หรือต่อได้แต่เล่นเน็ตไม่ได้ เปิดอะไรไม่ขึ้นเลย สุดท้ายก็ 4G Docomo ค่ะ เฮ~


ที่ล็อบบี้จะมีบาร์ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย มีอาหารรึเปล่าไม่แน่ใจนะคะ เปิด-ปิดกี่โมงไม่รู้ เหมือนไม่เคยเห็นตอนมันเปิดสักที เหมือนออกไปก่อนที่มันจะเปิด และกลับมาหลังจากที่มันปิดแล้วทุกทีน่ะค่ะ



เช็คอินเสร็จ รับกุญแจ ขึ้นห้องที่ชั้น 3 เราจองห้องไม่สูบบุหรี่ไป ค่ะ ห้องไม่สูบบุหรี่ แต่มีห้องสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ เฮ~


ห้องไม่สูบบุหรี่ แต่ใช้อากาศร่วมกันทั้งชั้น ในห้องไม่มีแอร์ ใช้แอร์ส่วนกลางที่อยู่ตรงทางเดิน โดยแอร์จะเข้ามาทางช่องที่อยู่เหนือประตู และในเมื่อมันมีคนสูบบุหรี่และห้องสูบบุหรี่อยู่ด้วย คุณก็รู้ว่าคนสูบบุหรี่จะมีกลิ่นบุหรี่ติดตัว และพอใช้อากาศร่วมกัน กลิ่นบุหรี่มันก็อบอวลไปทั้งชั้น และไม่ต้องถามเรื่องที่นอนค่ะ หอมกลิ่นบุหรี่แน่นอน นอนดมกลิ่นบุหรี่อยู่ 3 คืน จากที่เกลียดบุหรี่ พอเช็คเอาท์ออกไปนี่แทบจะหาบุหรี่มาสูบ เรียกว่าดมจนติดเลยทีเดียว T-T


เนื่องจากห้องสูบบุหรี่เป็นห้องเดียวที่มีถังขยะ เราจึงมักจะเอาขยะไปทิ้งที่นั่น และพอลองเข้าไปในห้องนั้นดูแล้วก็พบว่า ห้องสูบบุหรี่เป็นที่ที่กลิ่นบุหรี่เจือจางที่สุดในชั้นแล้วค่ะ เหมือนมันมีเครื่องฟอกอากาศหรืออะไรสักอย่างที่จะทำงานอัตโนมัติทันทีที่ปิดประตูห้องน่ะค่ะ


มาดูในห้องกันต่อดีกว่า ที่นอนจะมีลักษณะเป็นแคปซูลสีสด 2 ชั้นค่ะ ถึงจะเป็นแคปซูล แต่ก็มีแค่ 2 ตู้ สำหรับ 2 คนนะคะ ไม่ได้นอนรวมกับคนอื่น



ในแคปซูลจะมีทีวีเล็กๆ ควบคุมโดยแผงควบคุมที่อยู่ข้างๆค่ะ
แผงควบคุมนี้จะประกอบไปด้วยปุ่มควบคุมทีวี สวิตช์เปิด-ปิดไฟในแคปซูล (หรี่ได้) นาฬิกาปลุก และสวิตช์เปิด-ปิดพัดลมระบายอากาศในแคปซูล (ปรับระดับได้) สิ่งนี้สำคัญมาก ถึงจะช่วยได้ไม่มากนัก แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้เราไม่สำลักควันบุหรี่ตายขณะหลับ

ขั้นบันไดขึ้นไปยังแคปซูลชั้นบนปิดด้วยกระดาษทราย เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวลื่นค่ะ ส่วนบันไดก็ค่อนข้างมั่นคงทีเดียว



ในแคปซูลจะมีกระจกเล็กๆให้
ฟูกบางและนิ่มเหมือนฟองน้ำ นอนลงไปแล้วสัมผัสได้ถึงพื้นแข็งๆของแคปซูลที่อยู่ข้างล่าง

อาจเพราะเรามีแต่กระดูกรึเปล่า ไม่แน่ใจ แต่จะนอนพื้นแข็งๆไม่ค่อยได้ มันจะเจ็บ ทำให้นอนไม่ค่อยหลับ โชคดีที่เป็นหน้าร้อน เลยยอมไม่ห่มผ้า แล้วเอาผ้านวมมาปูทับอีกชั้น นอนสบายขึ้น แต่ก็แอบหนาวเบาๆ

และสำหรับคนที่ติดผ้าห่มอย่างเรา คือต่อให้ร้อนแค่ไหนก็ต้องมีผ้าห่มพันตัวเวลานอน พอนอนไม่ห่มผ้า ตื่นขึ้นมาเจ็บคอเลยค่ะ คืนต่อไปเลยนอนบนผ้านวมเหมือนเดิม แต่ตลบผ้าขึ้นมาห่อตัวเองไว้ และเพราะมันเป็นผ้านวมเตียงเดี่ยว เลยห่อได้ไม่ค่อยมิดนัก ต้องคอยจับไว้ด้วย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรห่อเลยอะนะ



ห้องไม่กว้างนัก ตามสไตล์โรงแรมญี่ปุ่น แต่ก็กางกระเป๋า 2 ใบได้สบายๆ ไม่มีปัญหาค่ะ พื้นเป็นกระเบื้องยาง มีตู้เสื้อผ้าเหล็กให้หลังนึง พร้อมไม้แขวน 3-4 อัน เราเอาไม้แขวนไปเสริมกันเองอยู่แล้ว เรื่องนี้เลยไม่ใช่ปัญหาค่ะ มีสลิปเปอร์ให้ 2 คู่ เหมือนคู่นึงจะออกผ้าๆ ส่วนอีกคู่เป็นยางหรือพลาสติกนี่แหละ ไม่แน่ใจเหมือนกัน


ด้านในของบานประตูตู้เสื้อผ้ามีกระจกเล็กๆให้ด้วย

อีกฝั่งของห้องจะมีโต๊ะเล็กๆให้วางของด้วยค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปมา เหมือนจะไม่มีเก้าอี้นะคะ หรือเราเอาเก้าอี้ไปวางของด้วยก็ไม่รู้ ในห้องไม่มีตู้เย็น มีปลั๊กไฟกี่ช่องก็ไม่รู้ เพราะเราใช้ปลั๊กไฟพ่วงที่เพื่อนเตรียมมาน่ะค่ะ



เสร็จจากห้องนอน ไปดูห้องน้ำกันค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะ เพราะเป็นห้องน้ำรวม แถมยังมีเสียงชัตเตอร์ที่โดนบังคับเปิดอีก ถึงจะดึกมากแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครมาเข้าห้องน้ำ เกิดเขาได้ยินเสียงชัตเตอร์ในห้องน้ำเข้าคงรู้สึกแปลกๆ


เขาบอกว่าห้องน้ำหญิงอยู่ชั้น 4 โอเคค่ะ ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 4 เปิดประตูเข้าไป มีโถปัสสาวะชายด้วย หืม?! ผงะเบาๆ โอเค เราพอเข้าใจ คงสร้างมาแบบเดียวกันหมด เพื่อให้ง่ายต่อการจัดสรรใช้งาน แต่ถ้าเปิดไปเจอผู้หญิงยืนฉี่อยู่คงบันเทิงพิลึก โอเคค่ะ ปล่อยผ่าน ไปดูของที่เราต้องใช้จริงดีกว่า มีห้องน้ำแบบซอยเป็นห้องเล็กๆอยู่ น่าจะ 4-5 ห้องได้มั้งคะ ชักโครกเหมือนจะเป็นแบบ Bidet แต่ก็เหมือนจะไม่ใช่ เหมือนสามารถใช้งานแบบ Bidet ได้ แต่ไม่เปิดให้ใช้ ไม่มีอุปกรณ์ใดๆด้วย ขอย้ำอีกครั้งว่าห้องน้ำญี่ปุ่นไม่มีสายฉีดแบบบ้านเรานะคะ สรุปว่า...ทิชชู่...สินะ ก็ได้แหละ ก็ไม่มีปัญหา *กัดฟัน*


เราเข้าห้องน้ำกันประมาณตีสาม เศษทิชชู่เกลื่อนกลาดเต็มพื้น แต่ไม่มีทิชชู่ที่เราสามารถใช้ได้เลย ทุกห้องมีเพียงแกนทิชชู่อันเปลือยเปล่า ห้องละแกนสองแกน ชักโครกเกือบทุกห้องมีเศษซากอารยธรรมจากผู้ใช้รุ่นก่อน...


หันมองหน้ากับเพื่อน เอาไงดีอะ คือมันต้องเข้า ถ้าไม่ได้เข้าก่อนนอนมันไม่สบายใจ......


เอางี้มั้ย เราลองกลับไปดูห้องน้ำชายที่ชั้น 3 กัน เผื่อมันจะโอเคกว่านี้ ดึกแล้ว คงไม่มีใครมาเข้าห้องน้ำนักหรอก ก็ไป......


เปิดเข้ามาห้องน้ำชาย เออ สภาพดีกว่าว่ะคุณ ดูสะอาดกว่า มีทิชชู่ มีเศษซากอารยธรรมบ้าง แต่ไม่ทุกห้อง คงเพราะผู้ชายใช้โถยืนกันซะส่วนใหญ่ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆคงไม่ใช้โถนั่ง เพราะฉะนั้น บริเวณโถนั่งมันเลยสะอาดกว่าของห้องน้ำหญิง โอเค เรารอดแล้ว



ต่อไป แปรงฟัน ข้างนอกห้องน้ำจะมีเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าให้ประมาณ 5-6 อ่าง ก็แปรงมันตรงนั้นแหละค่ะ


น้ำดื่ม โรงแรมญี่ปุ่นจะไม่มีน้ำดื่มให้ น้ำดื่มบรรจุขวดที่ขายกันก็แพงเหลือเกิน คือเหมือนเขาจะกินน้ำก๊อกกัน เราเอาขวดน้ำขวดเล็กๆที่กินบนเครื่องบินติดลงมาด้วย มีน้ำเหลืออยู่ก้นขวด ก็เติมมันที่ก๊อกอ่างล้างหน้านั่นแหละค่ะ ไม่รู้มีแหล่งน้ำที่ดีกว่านี้อีกรึเปล่า แต่เจอแค่นี้ ก็เติมมันตรงนี้แหละค่ะ ทดสอบด้วยตัวเองแล้ว กินได้ ไม่ป่วย ไม่ไข้ ไม่ขึ้นสวรรค์หรือลงนรกใดๆทั้งสิ้น แต่ก็กินอยู่แค่คืนนั้นคืนเดียวแหละค่ะ เพราะหลังจากนั้นเราก็ซื้อน้ำขวดจากร้านสะดวกซื้อมากินกัน



ขั้นตอนต่อไป อาบน้ำ ห้องอาบน้ำอยู่ชั้น 2 ก็เตรียมของลงไป ห้องอาบน้ำไม่แน่ใจว่าแยกชายหญิงรึเปล่านะคะ ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้บอกอะไร หรือฟังไม่ทันก็ไม่รู้ ไม่ได้ถ่ายรูปมาเช่นกันค่ะ เกรงใจ


ห้องอาบน้ำเป็นห้องเล็กๆแยกเป็นส่วนตัวค่ะ มีประมาณ 4-5 ห้องได้ เปิดประตูเข้าไปจะเป็นโซนแห้ง สำหรับแต่งตัว ถัดเข้าไปจะเป็นกล่องฝักบัวแคบๆสำหรับอาบน้ำค่ะ ที่เรียกว่ากล่องเพราะมันเหมือนกล่องจริงๆค่ะ มันเหมือนเป็นแบบสำเร็จรูปมาเลย แต่ละที่ที่ใช้คอกฝักบัวส่วนตัวสำหรับห้องอาบน้ำรวมแบบนี้ก็เป็นแพทเทิร์นเดียวกันหมด แน่นอนว่าต้องมีน้ำอุ่นให้ เพราะญี่ปุ่นเป็นเมืองหนาว แต่ห้องที่เราเข้าเหมือนจะปรับอุณหภูมิน้ำไม่ได้ดั่งใจสักเท่าไหร่ ปรับให้อุ่นไม่ได้ ไม่ร้อนจนแทบลวกผิวก็เย็นไปเลย อุณหภูมิตอนนั้นน่าจะอยู่ที่ประมาณ 25 องศา เพราะงั้นน้ำที่อุณหภูมิห้องก็จะเย็นพอสมควร บวกกับความเย็นจากแอร์อีก ก็ทนๆอาบน้ำเย็นไปค่ะ เย็นกว่านี้ที่บ้านเราก็โดนมาแล้ว แค่นี้บ่ยั่นหรอก หึๆๆ

แต่รอบต่อไปเปลี่ยนมาอาบอีกห้องก็ปรับอุณหภูมิได้ตามปกตินะคะ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด บางทีห้องนั้นอาจจะมีปัญหา


เผื่อใครนึกภาพไม่ออก ขอดึงภาพจากที่นาโกย่ามาลงแทนละกันนะคะ แพทเทิร์นเดียวกัน แต่ของที่นาโกย่าจะดูสภาพดีกว่า ส่วนของที่ชินอิมามิยะนี่จะมีชั้นวางของในห้องน้ำให้ด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกมีแชมพูกับสบู่เหลวขวดใหญ่ให้ใช้ฟรีเหมือนกันค่ะ


ปัญหาหลักของห้องอาบน้ำที่นี่คือ วินัยในการใช้ห้องน้ำของผู้เข้าพักค่ะ คืนแรก เราเข้าไปอาบประมาณตีสามกว่าๆ เจอน้ำนองเต็มพื้นลามมาด้านนอกบริเวณหน้าห้องอาบน้ำเลยค่ะ ต้องมีคนอาบน้ำโดยไม่ปิดประตูกล่องฝักบัวแน่ๆ ซึ่งเราไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ปิด ทั้งๆที่มีป้ายบอกให้ปิดประตูกล่องฝักบัวขณะอาบน้ำทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษแล้วแท้ๆ และต่อให้ไม่มีมันก็น่าจะมีคอมมอนเซนส์ปะ



ดูเหมือนว่าเขาจะทำความสะอาดห้องน้ำแค่วันละครั้งเองค่ะ คือช่วงเช้า เพราะเช้าวันถัดไปเราไปเข้าห้องน้ำก็สะอาดดีแล้ว มีทิชชู่ให้ห้องละ 2 ม้วน คาดว่าคงหมดแล้วหมดเลย จะเติมให้อีกทีก็เช้าวันถัดไปเลย 


จุดพีคอีกจุด คือเช้าวันเช็คเอาท์ค่ะ จริงๆก็ไม่เช้าอะไรมาก 8 โมงได้แล้วมั้ง แต่ยังไม่มีใครมาทำความสะอาดห้องน้ำและเติมทิชชู่เลย เลยคิดว่า เอาวะ ฮึบไว้ก่อนก็ได้ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เช็คอินอีกที่แล้ว ไปปล่อยที่นู่นก็ได้



อ้อ ลืมบอกไป ที่นี่มีเครื่องซักผ้ากับเครื่องอบผ้าหยอดเหรียญให้นะคะ แต่เราไม่ได้ลองใช้



ข้อดีของที่นี่คือราคาถูก มีห้องส่วนตัว อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองโอซาก้า และใกล้สถานีรถไฟหลายสาย ได้แก่
- JR และ Nankai สถานีชินอิมามิยะ
- รถไฟใต้ดิน สถานี Dobutsuen-mae
- รถราง Hankai Tramway สถานี Shinimamiya-ekimae


ข้อเสียก็อย่างที่บ่นๆมานั่นแหละค่ะ เพิ่มเติมข้อเสียเรื่องที่ตั้งอีกนิดหน่อย ทั้งๆที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟหลายสาย ดูน่าจะเจริญ แต่กลับเป็นโซนที่ค่อนข้างเสื่อมโทรมค่ะ ใครเคยดูหนังแนวนักเลงตีกันของญี่ปุ่นที่ยกพวกตีกันทั้งเรื่อง มันดูร้าง โทรม และมืดมนอย่างงั้นแหละค่ะ แต่ก็ไม่มีอะไรนะ แค่ดูน่ากลัวเฉยๆ



ส่วนตัวเรากับเพื่อนไม่โอเคกับที่นี่เลย และคงไม่ใช้บริการอีก แต่เพื่อนผู้หญิงอีกคนที่มาพักคนเดียว ช่วงเดียวกัน แต่เขาอยู่ห้องแคปซูลเดี่ยวชั้น 6 ดูไม่มีปัญหาอะไรนะคะ ดูแฮปปี้ดี บางทีที่นี่อาจจะแค่ไม่เหมาะกับเราก็ได้








ขอจบพาร์ทนี้ไว้เพียงเท่านี้แล้วกันค่ะ พาร์ทต่อไปจะพาเที่ยวละค่ะ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น