โอเคค่ะ เริ่ม!
มาเที่ยววันแรก ไปเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนค่ะ เท่าที่หาข้อมูลมา ศาลเจ้าที่อยู่ใกล้ที่สุดก็คงจะเป็นศาลเจ้าสึมิโยชิ หรือสึมิโยชิไทฉะนี่แหละ (住吉大社: Sumiyoshi Taisha) สามารถเดินทางไปได้ด้วยรถไฟ Nankai ไปลงที่สถานีสึมิโยชิไทฉะ หรือขึ้นรถราง Hankai ไปลงที่สถานีสึมิโยชิโทริอิมาเอะ (住吉鳥居前: Sumiyoshitorii-mae) ซึ่งรถรางจะใกล้กว่า คือลงจากรถแล้วก็เดินเข้าศาลเจ้าได้เลย
วันนี้อากาศดี แดดดี แต่ไม่ทำลายล้างแบบแดดบ้านเรา อากาศกำลังสบาย ไม่ร้อนไม่หนาว ช่วงปลายสิงหาที่ญี่ปุ่นยังเป็นฤดูร้อนอยู่นะคะ แต่ก็ปลายๆแล้วหละ อาจจะมีฝนมีพายุบ้าง ระวังให้ดี แต่เราโชคดีที่มาหลังจากพายุสงบลงพอดีค่ะ
เราเริ่มต้นที่สถานีชินอิมามิยะ เป็นจุดที่ดีทีเดียวนะ มีรถไฟ JR ผ่าน มี Nankai ผ่าน มีรถไฟใต้ดินผ่าน และ มีรถรางผ่าน คีย์เวิร์ดมันอยู่ตรง รถราง ค่ะ คือบ้านเราไม่มี ญี่ปุ่นก็มีไม่มาก เราไม่เคยขึ้น เราอยากรู้ว่ามันเป็นยังไง เพราะงั้น เรา ต้อง ขึ้น
โชคดีที่ศาลเจ้าสึมิโยชิอยู่ตรงเส้นที่รถรางผ่านพอดี เลยได้ขึ้นสมใจ สถานีรถรางตรงนี้มีชื่อว่า ชินอิมามิยะเอขิมาเอะ (新今宮駅前: Shin-Imamiya-Ekimae) อยู่ห่างออกมาจากสถานีรถไฟนิดหน่อย
เดินมาถึงสถานี เจอแต่สถานีโล่งๆ ไม่มีตู้ขายตั๋วหรืออะไรเลย
ภาษาอังกฤษก็แทบไม่มี ความรู้ภาษาญี่ปุ่นก็จำกัดจำเขี่ยเหลือเกิน
สำรวจฝั่งแรกไม่เจออะไรที่พอจะเป็นข้อมูลได้ เลยเดินข้ามไปอีกฝั่ง
คราวนี้โชคดี เจอป้ายกระดาษ A4 พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษไว้ว่า ค่าโดยสารรถราง 210
เยนตลอดสาย จ่ายที่คนขับ และไม่มีทอน หรือถ้าใครมี IC Card ก็สามารถใช้ IC
Card ได้ค่ะ แต่เนื่องจากเราไม่มี IC Card และยังไม่มีตังค์ปลีกเลย
คือแลกเงินมาใหม่ๆก็จะมีแต่แบงค์หมื่นกับแบงค์พัน
แถมยังลืมเอาเหรียญที่เหลือจากทริปที่แล้วติดมาด้วยอีก
เลยต้องไปแตกเงินที่ร้านสะดวกซื้อด้วยการซื้อน้ำเปล่าขวดเล็กๆ มา 1 ขวด
ขวดจิ๋ว ขวดมินิเลยอะค่ะ น่าจะเก้าสิบกว่าเยน
จำได้ว่าเราต้องตัดใจจ่ายค่ารถ 300 เยน เพราะไม่มีเหรียญหลักสิบเลย
จากการซื้อน้ำเปล่าขวดจิ๋ว เลยได้ค้นพบว่ากระเป๋าเสื้อคลุมของเราสามารถใส่ขวดน้ำได้ด้วยค่ะ คือเอาไปแค่กระเป๋าตังค์กับมือถือ ของเล็กๆน้อยๆก็ยัดเอาตามกระเป๋าที่ติดมากับเสื้อผ้า คือไม่มีกระเป๋าที่น่าจะใหญ่พอที่จะใส่ขวดน้ำได้เลย
ต่อไปก็มารอรถรางค่ะ รถรางที่นี่มีตู้เดียว
มีรูปแบบและสีสันที่แตกต่างกันออกไป
ไม่รู้เป็นลายศิลปะเฉยๆหรือเป็นตู้โฆษณาเคลื่อนที่แบบรถไฟฟ้าบ้านเรา
ตอนแรกเรารอรถผิดฝั่งด้วยค่ะ จนเดินไปดูอีกฝั่งนึง ถึงเจอป้ายบอกว่าต้องขึ้นฝั่งนี้นะ คงเพราะเขาโปรโมทเป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วยแหละค่ะ ถึงได้มีป้ายภาษาอังกฤษบอกแบบนี้
ไปหาข้อมูลมา เอาเป็นว่า ถ้าจะนั่งรถรางจากชินอิมามิยะไปสึมิโยชิไทฉะ ให้ขึ้นฝั่งที่ไปอะบิโกะมิจินะคะ (我孫子道: Abikomichi)
รอรถอยู่ประมาณ 10 นาทีก็ได้ขึ้นค่ะ ถ้าจำไม่ผิด รถจะมาทุก 10 - 20 นาที พอรถมาให้ขึ้นที่ประตูกลางค่ะ ประตูหน้ามีไว้สำหรับลงรถ ตรงประตูจะมีเครื่องสแกน IC Card ใครไม่มีก็ขึ้นไปนั่งเฉยๆค่ะ ที่นั่งจะเป็นแบบบนรถไฟฟ้าบ้านเราค่ะ คือสองฝั่งนั่งหันหน้าเข้าหากัน ไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะ เกรงใจ คนขับจะคอยประกาศสถานีด้วย แน่นอนว่าไม่มีภาษาอังกฤษค่ะ ถ้าจำไม่ผิด เหมือนจะมีจอบอกสถานีอยู่เหมือนกัน แต่เราอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกเลยจำเป็นรหัสสถานีแทนค่ะ ซึ่งก็มีโชว์อยู่บนจอด้วยเช่นกัน
รถรางช่วงสายๆมีคนขึ้นไม่มากนัก สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านเรือนและร้านค้าเล็กๆที่มีสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม เป็นแบบที่เรา(แอบ)เรียกว่าย่านเมืองเก่าน่ะค่ะ
นั่งรถรางประมาณ 20 นาทีก็ถึงศาลเจ้าสึมิโยชิแล้วค่ะ ถ้าขึ้นนันไคจะเร็วกว่าประมาณ 10 นาที แต่เราขึ้นเอาประสบการณ์ค่ะ เพราะงั้นเลยไม่ซีเรียสเรื่องความเร็วนัก
พอมาถึงจุดหมายให้ลงทางประตูหน้าค่ะ คนที่มี IC Card ก็สแกนบัตรแล้วลงไปได้เลย ส่วนคนที่ไม่มีบัตรอย่างเราให้จ่ายเงินตรงคนขับค่ะ มันจะมีช่องให้ใส่เหรียญ เราก็ใส่ลงไป ค่ารถ 210 เยน ใส่ไป 300 เยน ตอนแรกนึกว่าจะไม่ทอน ใช่ค่ะ มันเป็นแค่กล่องใส่เงินเฉยๆ ไม่มีระบบทอนเงินหรือแลกเงิน แต่คนขับหยิบกล่องใส่เหรียญที่เตรียมไว้มาทอนให้ โล่งอกไปที
มาถึงแล้วก็เดินเข้าไปได้เลยค่ะ ป้ายรถรางอยู่ตรงหน้าศาลเจ้าพอดี ที่นี่เข้าฟรีค่ะ
แดดดูแรงเนาะ แต่ไม่ร้อนเท่าไหร่ เราเดินได้เป็นชั่วโมง ถ้าเป็นแดดที่ไทย 15 นาที ก็โดนสูบพลังชีวิตไปแทบเกลี้ยงแล้วค่ะ
เจอซุ้มประตูโทริอิ ให้โค้งคำนับ 1 ครั้ง แล้วเดินเลียบข้างๆ อย่าผ่ากลางเข้าไป เพราะเขาถือว่านี่คือทางเข้าออกของเทพเจ้า แล้วนี่ไม่ได้ทำสักอย่าง ไม่ได้คำนับ แถมยังเดินผ่ากลางเข้าไปอีก คือไม่รู้ไง ไม่ได้หาข้อมูลวิธีเข้าศาลเจ้าญี่ปุ่น ก็นึกว่าจะเหมือนซุ้มประตูทางเข้าวัดบ้านเรา นี่ฉันจะโดนสาปมั้ยเนี่ย!!! หนูขอโทษ orz
เจอซุ้มประตูโทริอิ ให้โค้งคำนับ 1 ครั้ง แล้วเดินเลียบข้างๆ อย่าผ่ากลางเข้าไป เพราะเขาถือว่านี่คือทางเข้าออกของเทพเจ้า แล้วนี่ไม่ได้ทำสักอย่าง ไม่ได้คำนับ แถมยังเดินผ่ากลางเข้าไปอีก คือไม่รู้ไง ไม่ได้หาข้อมูลวิธีเข้าศาลเจ้าญี่ปุ่น ก็นึกว่าจะเหมือนซุ้มประตูทางเข้าวัดบ้านเรา นี่ฉันจะโดนสาปมั้ยเนี่ย!!! หนูขอโทษ orz
บริเวณศาลเจ้ามีต้นไม้สูงใหญ่อยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ช่วยให้ที่นี่ไม่ร้อนนัก
สะพานแดงเด่นเป็นสง่า
อ่างใส่น้ำสำหรับชำระร่างกายก่อนเข้าศาลเจ้า ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าโจสึฉะ (手
水舎: Chozusha) จะมีกระบวยให้ตักน้ำล้างมือและบ้วนปาก
ตอนจะบ้วนปากให้ใช้กระบวยตักน้ำเทใส่มือก่อนนะคะ
ไม่ควรให้กระบวยสัมผัสปากโดยตรง หนึ่งคือมันอาจจะสกปรก สองคือสกปรกคนอื่น
ล้างตัวเองเสร็จให้ถือกระบวยตั้งขึ้น เพื่อให้น้ำไหลลงไปล้างด้ามกระบวยค่ะ
ถามว่านี่ทำมั้ย? บอกเลยว่าไม่ ก็ตอนนั้นเก๊าไม่รู้ เก๊าขอโทษ (>/\<)
ตู้โทรศัพท์ที่ศาลเจ้า เขาทำได้เก๋ดีเนอะ
เข้าศาลกันค่ะ เขาว่าที่ศาลเจ้าสึมิโยชินี้ เป็นที่สถิตของเทพเจ้าที่คุ้มครองความปลอดภัยทางทะเลค่ะ มีศาลเอกถึง 4 ศาล กับเทพเจ้าประจำศาล 4 องค์ (ปกติเขาจะมีกันแค่ศาลเดียว) ศาลเอกทั้ง 4 นี่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกประเทศด้วยนะคะ ถือเป็นศาลเจ้าขนาดใหญ่ที่สำคัญของโอซาก้าทีเดียวค่ะ
วิธีนมัสการศาลเจ้าญี่ปุ่น
1. แกว่งเชือกสั่นกระดิ่ง
2. โยนเหรียญลงในกล่องที่เขาเตรียมไว้ให้
3. โค้งคำนับ 2 ครั้ง
4. ปรบมือให้มีเสียง 2 ครั้ง แล้วอธิษฐาน
5. โค้งคำนับอีก 1 ครั้ง
เป็นอันจบพิธี
แต่ถ้าใครจำไม่ได้ ไปยืนดูคนญี่ปุ่นทำค่ะ จำสเต็ปเขาแล้วทำตาม
จริงๆคนญี่ปุ่นก็ไม่ได้เป๊ะนะ บางที 3 คนทำไม่เหมือนกันเลย
แล้วฉันควรเชื่อใคร
เราชอบดูการ์ตูนญี่ปุ่นแนวภูติผีปีศาจน่ะค่ะ เคยเห็นแบบนี้แต่ในการ์ตูน
ได้เห็นของจริงเลยถ่ายรูปมาซะหน่อย
น่าจะให้ฟีลคล้ายๆ ต้นไม้ผูกผ้าสามสีของไทยแหละมั้ง แต่ของญี่ปุ่น สิ่งนี้เหมือนจะเป็นยันต์ซะมากกว่า ในขณะที่ผ้าสามสีของไทยจะคล้ายๆ ของบูชา
ข้างในยังมีอีกนะคะ เป็นศาลเล็กๆ มีอยู่หลายศาลเลยหละค่ะ ถ้าเทียบกับของไทยคงประมาณพวกศาลเจ้าแม่ตะเคียนมั้งคะ
หน้าศาลจะมีป้ายบอกข้อมูลเกี่ยวกับศาลนั้นๆเป็นภาษาญี่ปุ่น
น่าจะเป็นแนวบอกที่มา และช่วยในเรื่องไหน
เราอ่านไม่ออกเลยไหว้มั่วๆไปเลยค่ะ
เราก็ไม่รู้ว่าศาลที่เราเลือกไหว้เป็นยังไง
แต่โดนชายญี่ปุ่นคนนึงที่มาเดินสายไหว้เจ้าแบบจริงจังมองแปลกๆ หละ
นี่ฉันไปไหว้อะไรน่ากลัวๆ เข้าปะเนี่ย
ไหว้เทพเจ้าเสร็จก็กลับออกมาทางเดิมนั่นแหละค่ะ ข้างหน้าจะมีโต๊ะประชาสัมพันธ์กับร้านขายเครื่องราง แต่เราไม่ได้ซื้ออะไรมาหรอกค่ะ
หรือใครที่ชอบเสี่ยงเซียมซี ญี่ปุ่นเขาก็มีเหมือนกันนะ เรียกว่าโอมิคุจิค่ะ แต่เราไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยไม่ได้ลองเล่น
และแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปค่ะ ขากลับเราจะข้ามสะพานแดงที่เล็งไว้ตอนแรกออกไปค่ะ
สะพานแดงนี้มีชื่อว่าไทโกะบาชิค่ะ (太
鼓橋: Taikobashi) เป็นสะพานไม้บิดเกือบ 180 องศา โดยมีความเชื่อว่า
ถ้าสามารถข้ามสะพานนี้ไปได้อย่างปลอดภัย
จะเป็นการชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกายค่ะ
นอกจากจะทั้งสูงทั้งชันแล้ว ขั้นบันไดก็น่ากลัวทีเดียวค่ะ
มันจะเป็นขั้นเล็กๆแบบเหยียบไม่เต็มเท้าอะ
ช่างท้าทายคนกลัวความสูงและความไม่มั่นคงอย่างเรายิ่งนัก
ขึ้นมาถึงยอด (กลางสะพาน) ก็ไม่ได้รู้สึกมั่นคงขึ้นแต่อย่างใด ดูมันโค้งเข้าสิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น