วันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Where to Stay in BANGKOK ::: #1 โรงแรมกรุงเกษม ศรีกรุง



สำหรับใครที่กำลังมองหาโรงแรมใกล้สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เพื่อความสะดวกในการเดินทางหรือการท่องเที่ยว โรงแรมกรุงเกษม ศรีกรุงนี้ ถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ ด้วยราคาที่ไม่แพงมาก และเดินทางสะดวก เพียงเดินข้ามสะพานข้ามคลองกรุงเกษมไปก็เจอสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) และ MRT หัวลำโพงแล้วค่ะ






ห้องพักก็มีให้เลือกหลายแบบอยู่ค่ะ

ห้องเตียง 5 ฟุต
พร้อมฝักบัวและวิวเมือง ราคาถูกสุด เหมือนจะต้องติดต่อกับทางโรงแรมโดยตรง ไม่มีให้จองจากเอเจนซี่ทั้งหลายอย่างพวก Booking.com หรือ Agoda

ห้องเตียงเดี่ยว (3.5 ฟุต) หรือเตียง 5 ฟุต 2 เตียง
ขนาดเตียงไม่มีผลต่อราคา มาพร้อมฝักบัวหรืออ่างอาบน้ำ (แน่นอนว่าแบบอ่างอาบน้ำแพงกว่า) มีวิว 2 แบบ คือวิวเมืองกับวิวสถานีรถไฟ โดยห้องเตียง 5 ฟุต ทั้งแบบฝักบัวและอ่างอาบน้ำจะเป็นวิวเมือง ห้องเตียงเดี่ยวแบบฝักบัวจะเป็นวิวสถานีรถไฟ และห้องเตียงเดี่ยวแบบอ่างอาบน้ำจะสามารถเลือกได้ว่าอยากได้วิวฝั่งไหนค่ะ เขาบอกว่าฝั่งวิวเมืองจะเงียบสงบกว่า และวิวไม่มีผลต่อราคานะคะ

ห้องเตียงเดี่ยว 3 เตียง
มาพร้อมอ่างอาบน้ำและวิวเมือง อันนี้ก็คงต้องติดต่อกับทางโรงแรมเองเหมือนกันค่ะ





ส่วนเราจองห้องเตียงเดี่ยว 2 เตียง 3 คืน ราคา 2,605 บาท จาก Agoda ค่ะ แล้วเขียนในช่องคำขอพิเศษไปว่าขอห้องวิวสถานีรถไฟ ราคานี้รวมอาหารเช้าแล้วค่ะ



โรงแรมอาจจะดูเก่าไปสักหน่อย เพราะสร้างมา 40 กว่าปีแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เพราะเขาเพิ่งปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อปี 2011 นี้เอง ห้องเลยมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันสำหรับยุคปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันก็ให้กลิ่นอายแบบไทยผสมจีนในสมัยก่อนค่ะ


พนักงานที่เคาน์เตอร์เช็คอินก็เหมือนเป็นรุ่นที่ทำมาตั้งแต่สมัยโรงแรมเปิดใหม่ๆ แต่เขาก็ดูแลดีนะคะ


ที่นี่มีทั้งหมด 5 ชั้นค่ะ มีลิฟต์ให้ 2 ตัว เช็คอินเสร็จก็จะมีคนพาเราไปที่ห้องค่ะ


ทางเดินหน้าห้องจะค่อนข้างมืด พื้นเป็นไม้ (หรืออะไรสักอย่างที่เป็นลายไม้) เวลาเดินเสียงค่อนข้างดังทีเดียวค่ะ ขนาดเราพยายามเดินเบาๆ แล้วนะคะเนี่ย



เข้าห้องมา ห้องเล็กกว่าที่คิด แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเราค่ะ พื้นเป็นไม้ๆ เหมือนข้างนอก มีรองเท้าแตะยางๆ ให้ แต่ไม่มีแบบผ้าสำหรับใส่เดินในห้อง


ห้องน้ำกับตู้เสื้อผ้าอยู่หน้าประตู







ห้องน้ำแบบฝักบัวมาพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น ที่กดสบู่ + แชมพู แบบ 2 in 1 เราชอบแบบที่ใส่ขวดปั๊มใหญ่ๆ หรือที่กดแบบนี้มากค่ะ เพราะเราใช้ล้างผลาญ พวกที่ให้เป็นขวดเล็กๆ มันใช้ไม่สะใจอะ




มีแก้วน้ำพลาสติกให้ 2 ใบ และแผ่นกันลื่น





อ่างล้างหน้า ถึงจะเป็นแบบลอยตัว แต่ขอบกว้างมาก วางของได้เยอะไม่แพ้เคาน์เตอร์เลยค่ะ





ที่ประตูมีตะขอเล็กๆ ใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้


ส่วนตัวอยากให้ห้องน้ำเป็นแบบแยกส่วนเปียกส่วนแห้งค่ะ เราว่ามันดีต่อทั้งผู้ใช้และคนทำความสะอาดนะคะ แถมยังช่วยให้ดูหรูขึ้นด้วย







ตู้เสื้อผ้าอยู่ตรงข้ามห้องน้ำ ตู้ไม่มีประตูปิด แต่มีแผ่นไม้ลายฉลุบังตา(?) แต่เอาจริงๆ ราวแขวนผ้ามันก็มีแค่ตรงที่เป็นช่องว่างๆ นั่นแหละค่ะ เราชอบตู้นี่มากค่ะ เราว่ามันสวยดี





ที่เสียบกุญแจที่เป็นเหมือนสวิตช์ปล่อย-ตัดไฟในห้อง





ถัดจากตู้เสื้อผ้า เป็นโต๊ะบิลท์อินอเนกประสงค์ มีเก้าอี้ให้ 2 ตัว จะนั่งกินข้าวก็ได้ จะนั่งแต่งตัวก็ได้ เพราะมีกระจกบานใหญ่ให้ด้วย มีทิชชู่ให้ 1 ม้วน มีหนังสือให้อ่านเล่น เป็นพวกหนังสือธรรมะ (เหมือนจะมีของศาสนาคริสต์ด้วย) และหนังสือเกี่ยวกับสุขภาพ ส่วนตัวอยากให้มีหนังสือคู่มือเที่ยวกรุงเทพและจังหวัดยอดฮิตในไทย ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้ด้วย แล้วก็มีเมนูอาหารและไอศกรีม สามารถโทรสั่งให้มาส่งที่ห้องได้ค่ะ

ถัดไปเป็นทีวี และมีรองเท้าแตะอยู่บนชั้นใต้ทีวีค่ะ




ข้างๆ ทีวีเป็นชุดกาแฟ มีกาแฟแบบ 3 in 1 ให้ 2 ซอง น้ำเปล่า 2 ขวด แก้ว + ช้อนกาแฟ 2 ชุด และกาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า น้ำกับกาแฟนี่ฟรีค่ะ




ถัดไปคือตู้เย็น อันนี้ต้องเสียตังค์ค่ะ



มีราคาแปะไว้หน้าตู้อย่างงี้ค่ะ





ที่นอนก็จะเป็นเตียงเดี่ยว 2 เตียงแบบนี้ มีโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะกลาง



สำหรับเราก็นอนสบายดีนะคะ ผ้าห่มก็นุ่มอุ่นดี ประเทศไทยก็ไม่หนาวอยู่แล้วเนอะ ส่วนแอร์ก็ทำความเย็นได้ดีค่ะ

ขอติตรงโคมไฟผนังตรงหัวนอนหน่อย อยากให้ใช้ไฟที่เป็นแสงสีเหลือง ที่เขาเรียกว่าสี Warm White น่ะค่ะ มันจะช่วยให้ห้องดูอบอุ่น น่านอน และดูหรูขึ้น ส่วนไฟตรงกระจกก็ใช้เป็นสีขาวเหมือนเดิมไป เวลาแต่งหน้า หาของ อ่านหนังสือ จะได้มองเห็นชัดๆ





ต่อไปเป็นเรื่องของวิวค่ะ วิวดีกว่าที่คิดมาก เราได้ห้องชั้น 4 วิวฝั่งสถานีรถไฟตามที่ขอไปค่ะ




ตอนกลางคืน ที่สถานีจะเปิดไฟประดับแบบนี้ สวยมากค่ะ แย่หน่อยที่เราถ่ายมาได้ดีที่สุดแค่นี้





มีประตูเปิดออกไปตรงระเบียงได้ ที่ระเบียงก็มีคอมเพรสเซอร์แอร์ ข้างล่างเป็นถนน มีคนมีรถผ่านไปมาตลอด แล้วราวกันตกก็ต่ำกว่าเอวเราด้วย เราเลยไม่ค่อยได้ออกไปค่ะ





อาหารเช้าเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ค่ะ จำเวลาไม่ได้แล้ว ตอนเช้าก็ไปรับคูปองตรงเคาน์เตอร์เช็คอินก่อน แล้วไปยื่นที่ห้องอาหารค่ะ


เราไม่ได้ถ่ายรูปมาเท่าไหร่ เพราะวันแรกไม่มีเวลา วันที่ 2 - 3 ลงไปสาย คนเยอะ เลยไม่กล้าถ่ายค่ะ


ที่โต๊ะบุฟเฟ่ต์จะมีขนมปังแผ่น พร้อมเครื่องปิ้งให้ปิ้งเอง เนยและแยม ไข่ดาว ไส้กรอก แฮม ซีเรียล เป็นตัวยืน และมีอาหารไทยที่เปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆ ในแต่ละวันค่ะ วันแรกเหมือนจะเป็นข้าวสวยกับผัดอะไรสักอย่าง วันที่ 2 เป็นโจ๊ก วันที่ 3 เป็นข้าวต้ม มีกับเป็นไก่ผัดซีอิ๊ว(?) กับผักกาดกระป๋อง


เครื่องดื่มก็มีนม น้ำเปล่า กาแฟ น้ำผลไม้ นมถ้าจะดื่มแบบเย็นก็เทได้เลย ถ้าอยากดื่มนมร้อนก็บอกพนักงานได้ค่ะ เดี๋ยวเขาอุ่นให้ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่ะ แล้วมาแบบแก้วใหญ่มาก


ห้องอาหารจะเต็มช่วงสายๆ ค่ะ น่าจะหลัง 8 โมงมั้งคะ แล้วโต๊ะก็จะไม่พอ และวุ่นวายมากด้วย ใครอยากนั่งชิลๆ สบายๆ แนะนำให้มาตอนเช้าค่ะ เราจำไม่ได้แล้วว่าเวลาอาหารเช้าอยู่ในช่วงกี่โมง แต่ตอนเช็คอิน เจ้าหน้าที่เขาจะบอกค่ะ


ส่วนนี่คือรูปอาหารเช้าวันที่ 3 ที่เป็นข้าวต้มค่ะ ถ่ายมาได้แค่นี้นี่แหละ











นอกจากสถานีรถไฟสองสังกัดที่เขียนไว้ตอนแรกแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ ก็เยาวราชเลยค่ะ เดินไปได้เลย เดินเล่นหาอะไรกินตอนกลางคืนก็สนุกดีค่ะ











วัดไตรมิตรที่อยู่ระหว่างทางไปเยาวราช







ซุ้มประตู







ศาลเจ้าแม่กวนอิมของมูลนิธิเทียนฟ้า












สำหรับเรา ที่นี่ถือว่าดีใช้ได้เลยค่ะ ให้ 7.5/10 ละกัน ถึงจะมีจุดที่ขัดใจอยู่บ้าง แต่ก็แนะนำค่ะ สำหรับคนที่ต้องการที่พักแถวหัวลำโพง ใกล้สถานีรถไฟ และราคาไม่แพง





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น