หลังจากได้ตั๋วคอนเสิร์ตมาประมาณเดือนมีนา ประมาณเดือนพฤษภา แอร์เอเชียก็จัดโปรตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นพอดีค่ะ ประกอบกับที่เพื่อนเราอยากไปคันไซ และตั๋วบินตรงไปลงโอซาก้า อยู่ที่ 2,990 บาท/คน เราเลยตัดสินใจไปเที่ยวฝั่งคันไซกันก่อน แล้วค่อยเข้าโตเกียว และออกทางนาริตะ ซื้อแค่ตั๋วอย่างเดียวก่อน แอดออนค่อยว่ากันอีกทีค่ะ
ส่วนตั๋วขากลับ นาริตะ - ดอนเมือง เรากับเพื่อนแยกกันซื้อค่ะ เพราะเราพ่ายแพ้ต่อราคาของที่นั่งแบบ Premium Flatbed ที่ลงมาต่ำกว่าแบบ Premium Flex ซะอีก ซึ่งเป็นอะไรที่น่าคว้าเอาไว้มาก ตอนแรกเราลองกดแบบไปกลับ ราคาจะเป็นเรทไทย โดยจะอยู่ที่ 10,xxx บาท (เฉพาะเที่ยวบินขากลับดอนเมืองจากนาริตะชั้นธุรกิจเท่านั้น)
แต่เดี๋ยวก่อน!!
ถ้าคุณกดแบบเที่ยวเดียว ต้นทางมันจะเป็นญี่ปุ่น ราคาจะเป็นเรทญี่ปุ่น และถูกกว่ากันเป็นพันเลยค่ะ เราได้มาในราคา 9,050 บาท (รวมค่าธรรมเนียมนู่นนี่นั่นแล้ว) แฮปปี้~~~~~ \(^o^)/
ซิมการ์ด
ช่วงต้นเดือนสิงหา (ก่อนออกเดินทางไม่ถึงเดือน) เราไปเจอซิมของ SUGOI SIM (สุโก้ยซิม) จัดโปรลดราคาอยู่ค่ะ ดาต้าซิม (ใช้ได้แต่เน็ตเท่านั้น โทรไม่ได้) สำหรับ 7 วัน อยู่ที่ใบละ 390 บาทเท่านั้น แต่ก่อนจะเข้าหน้าสั่งซื้อซิมในราคาโปรนี้ได้ ต้องแชร์อะไรสักอย่างบนหน้าเฟซบุ๊คของเราก่อนนะคะ หลังจากนั้นก็สั่งซื้อได้เลยค่ะ
ซิมจะมาเป็นเล่มค่ะ โดยที่ตัวซิมจะอยู่ในเล่ม และมีคู่มือการใช้งานเป็นภาษาไทยให้ค่ะ
ซิมจะเป็นซิมของ docomo นะคะ มีให้เลือก 3 ขนาด ปกติ ไมโคร และนาโน สามารถใช้ 3G/4G ของเครือข่าย docomo ได้วันละ 100 MB หากใช้เกิน ความเร็วจะลดลง พอถึงเที่ยงคืนจะตัดรอบเป็นวันใหม่ ความเร็วจะกลับมาอีกครั้ง และเริ่มนับ 100 MB ใหม่อีกครั้งค่ะ
ในเล่มจะมีพวกโฆษณาสินค้า ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก และบริการต่างๆ ในญี่ปุ่นค่ะ
สำหรับซิมค่ายนี้ เหมือนจะมีรีวิวไม่ค่อยดีออกมาอยู่ค่ะ ว่าเอาซิมหมดอายุมาขายให้ลูกค้า คือสั่งซื้อ จ่ายเงินไปแล้ว พอของส่งมาพบว่าซิมหมดอายุแล้ว (วันหมดอายุซิมจะอยู่บนแพ็คเกจ มันจะบอกว่าซิมนั้นใช้ได้ถึงวันไหน) พอติดต่อกลับไปก็ติดต่อไม่ได้ โชคดีที่เราไม่เจอปัญหาอะไร แต่ระวังไว้หน่อยก็ดีค่ะ
นี่คือเว็บไซต์และเฟซบุ๊คของสุโก้ยซิม เข้าไปเช็ครายละเอียด โปรโมชั่น และสั่งซื้อได้ อย่าลืมเช็ครีวิวก่อนตัดสินใจซื้อด้วยนะคะ (^_^)
ประกันการเดินทาง
สามวันก่อนออกเดินทาง เราก็ซื้อประกันการเดินทางเตรียมไว้ค่ะ ครั้งนี้เลือกเป็นของ Cigna เพราะดูราคาถูกที่สุดแล้ว โดยค่าเบี้ยประกันสำหรับการเดินทางในโซนเอเชีย 8 วัน จะอยู่ในช่วง 233 - 296 บาท ขึ้นอยู่กับแผนความคุ้มครองที่เลือกค่ะ จริงๆ อยากทำกับ Tune ของเครือแอร์เอเชียเหมือนกัน แต่เราซื้อตั๋วแยกขาไปขากลับ ประกันมันเลยแยกขาไปด้วย (ณ เวลาที่ซื้อตั๋วนี้ เรายังไม่สามารถซื้อตั๋วไทยแอร์เอเชียแบบ Multicity ได้นะคะ) และดูเหมือนว่ามันจะไม่ครอบคลุมช่วงเวลาที่เราอยู่ต่างประเทศ แถมยังแพงกว่าด้วย เลยซื้อของซิกน่าดีกว่าค่ะ
การซื้อประกันการเดินทางสมัยนี้ทำได้ง่าย ซื้อออนไลน์ก็ได้ค่ะ แค่เข้าเว็บประกัน กดซื้อประกันการเดินทาง เลือกพื้นที่ที่จะไปและช่วงเวลา เลือกแผนการคุ้มครอง กรอกรายละเอียดส่วนตัว และกดซื้อ โดยจะต้องจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต หากใครไม่มี ธนาคารสมัยนี้มีบัตรเสมือนบัตรเครดิตให้บริการค่อนข้างเยอะทีเดียวค่ะ โดยบัตรนี้จะสามารถใช้ซื้อของออนไลน์ได้เหมือนบัตรเครดิต แต่จะหักเงินจากบัญชีที่ผูกไว้ไปเลย แทนที่จะลงบัญชีไว้ก่อนแล้วค่อยมาตามเก็บทีหลังอย่างบัตรเครดิต เราใช้ K-web Shopping Card ของ ธ.กสิกร นอกจากนี้เหมือนจะมี B-1st ของ ธ.กรุงเทพ และดูเหมือนว่า ธ.กรุงไทย กับ ธ.ไทยพาณิชย์ ก็มีบัตรแนวๆ นี้ด้วยเหมือนกันค่ะ
ประกันการเดินทาง จะซื้อหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละคนค่ะ สำหรับเราคือกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ เจ็บป่วยถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล เครื่องดีเลย์ ยกเลิกเที่ยวบิน ของหาย กระเป๋าพัง กระเป๋าดีเลย์ แล้วเรทค่าใช้จ่ายในต่างประเทศมันแพงกว่าบ้านเรา เลยซื้อเผื่อไว้ซะหน่อย แต่ปกติแล้วเรื่องพวกนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆหรอกค่ะ เพราะฉะนั้นจะไม่ซื้อก็ได้ แต่ซื้อไว้มันก็อุ่นใจดีค่ะ
Add-ons + แลกเงิน
คืนก่อนวันสุดท้ายก่อนออกเดินทาง เราก็จัดการซื้อแอดออนกับแอร์เอเชียค่ะ ได้แก่
- สัมภาระเช็คอิน 20 กก. 700 บาท (ปัจจุบันเหมือนจะขึ้นราคาแล้ว) โหลดด้วยกัน 2 คน คนละใบ หารกันก็คนละ 350 ค่ะ
- สั่งอาหารล่วงหน้า เพราะเห็นว่าเดินทางค่อนข้างนาน น่าจะหิว วันเดินทาง คิดว่าตื่นแล้วคงตรงไปขึ้นเครื่องเลย คงไม่ได้กินอะไร แถมเครื่องลงที่โอซาก้าดึก อาจจะไม่ได้กินอะไรอีกจนกว่าจะเช้า เลยสั่งชุดอาหารเช้าแบบตะวันตกไปค่ะ ราคา 190 บาท (ปัจจุบันเหมือนจะขึ้นราคาแล้ว) อาหารที่สั่งล่วงหน้าจะถูกกว่า มีเมนูให้เลือกมากกว่าซื้อบนเครื่อง และจะได้น้ำแร่ขวดเล็กๆอีกขวดนึงด้วยค่ะ
**ปัจจุบัน Add-on ของแอร์เอเชียขึ้นราคาแล้ว โดยราคาจะถูกกว่า เมื่อซื้อพร้อมตั๋ว แต่ถ้าซื้อตั๋วก่อนแล้วไปซื้อ Add-on ทีหลังใน Manage My Booking ราคาจะแพงขึ้น และจะแพงที่สุดเมื่อไปซื้อในวันเดินทางเลย
วันรุ่งขึ้นก็ไปแลกเงินที่ SuperRich ค่ะ ช่วงที่ไป ค่าเงินบาทกำลังอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง เราไปแลกตอนบ่าย โดนไปแพงกว่าตอนเช้าอีกค่ะ (T^T)
เราแลกไว้ประมาณ 3 หมื่นบาท แบ่งเป็นค่าที่พักหมื่นนึง ค่าเดินทางในประเทศหมื่นนึง และค่ากิน เที่ยว ช็อป ติ่ง อีกหมื่นนึงค่ะ
ที่พัก เรานอนแนวๆโรงแรมเลยค่ะ มันเลยแพงหน่อย ถ้าใครนอนพวกโฮสเทล พวกหอรวมได้ มันจะถูกลงอีกเยอะ
ค่าเดินทางในประเทศ ถ้าเที่ยวแค่ภูมิภาคเดียวหรือจังหวัดเดียว จะถูกลงอีกเยอะเช่นกันค่ะ หรือถ้าเที่ยวข้ามภูมิภาค การเดินทางด้วยบัสก็จะถูกกว่า หรือบางทีอาจมีตั๋วเครื่องบินในประเทศราคาโปรถูกๆ ออกมาก็ได้ค่ะ อันนี้ก็ต้องคอยเช็คเรื่อยๆ นะ
ค่าเดินทางในประเทศ ถ้าเที่ยวแค่ภูมิภาคเดียวหรือจังหวัดเดียว จะถูกลงอีกเยอะเช่นกันค่ะ หรือถ้าเที่ยวข้ามภูมิภาค การเดินทางด้วยบัสก็จะถูกกว่า หรือบางทีอาจมีตั๋วเครื่องบินในประเทศราคาโปรถูกๆ ออกมาก็ได้ค่ะ อันนี้ก็ต้องคอยเช็คเรื่อยๆ นะ
ล่าสุด เพื่อนเราคนนึงไปเที่ยวญี่ปุ่น แล้วขากลับเกิดเหตุรถไฟ N'EX ขัดข้อง ทำให้ไปเช็คอินไม่ทัน ประกันการเดินทางเหมือนจะไม่ช่วยอะไร เหมือนประกันจะไม่ครอบคลุมกรณีอย่างงี้ด้วย เลยต้องซื้อตั๋วใหม่บินรอบถัดไปเลย เพราะฉะนั้น ควรกันเงินไว้เผื่อเหตุการณ์ไม่คาดคิดแบบนี้ด้วยนะคะ
เสื้อผ้า
เสื้อผ้าสำหรับไปญี่ปุ่นฤดูร้อน อยู่ไทยคุณใส่อะไรก็เอาอันนั้นไปแหละค่ะ ไม่ต้องหาใหม่ให้ยุ่งยาก ที่เราเอาไปก็เป็นกางเกงยีนส์ขาสั้น เสื้อแขนกุดหรือแขนสั้นที่ใส่สบายๆ ไม่ร้อน และเสื้อคลุมแขนยาวแบบมีฮู้ดสำหรับฤดูร้อน (เราใช้เป็น UV Cut Hoodies ของ Uniqlo ค่ะ) ผ้ามันจะบาง ไม่ร้อน เน้นใช้กันแดด หรือใส่คลุมให้ดูเรียบร้อยขึ้น ส่วนรองเท้าก็เป็นรองเท้าผ้าใบที่ใส่ประจำ ไปญี่ปุ่นแนะนำให้ใส่รองเท้าหุ้มส้นนะคะ พวกผ้าใบ คัทชู หรือถ้าเป็นรองเท้าแตะก็ควรเป็นแบบรัดส้น เพราะเหมือนที่นั่นเขาจะมองว่าการลากแตะออกมาเดินข้างนอกมันไม่สุภาพน่ะค่ะ
และสำหรับคนที่ไปช่วงปลายฤดูร้อน ช่วงปลายสิงหาอย่างเรา เตรียมเสื้อผ้าที่มันกันหนาวไปด้วยนะคะ อย่างกางเกงขายาว หรือเสื้อคลุมที่เนื้อหนาขึ้นมาหน่อย เราไปเจอฝนที่โตเกียว 3 วันติด อุณหภูมิแตะๆ 20 องศา แม่เจ้าาาาา หนาวกว่ากรุงเทพตอนหน้าหนาวอีกค่ะ (T∇T)
ส่วนการเตรียมเสื้อผ้าหน้าหนาวก็ตาม Link นี้ ไปเลยค่ะ เขียนไว้จากประสบการณ์ของตัวเองเหมือนกัน ถึงจะเป็นของเดือนกุมภา แต่ก็น่าจะเอามาปรับใช้ให้เข้ากับตัวเองและอุณหภูมิได้ ถ้าเราเข้าใจไม่ผิด ทางญี่ปุ่นน่าจะหนาวสุดๆ ในช่วงมกรา - กุมภานี่แหละค่ะ
ส่วนการเตรียมเสื้อผ้าหน้าหนาวก็ตาม Link นี้ ไปเลยค่ะ เขียนไว้จากประสบการณ์ของตัวเองเหมือนกัน ถึงจะเป็นของเดือนกุมภา แต่ก็น่าจะเอามาปรับใช้ให้เข้ากับตัวเองและอุณหภูมิได้ ถ้าเราเข้าใจไม่ผิด ทางญี่ปุ่นน่าจะหนาวสุดๆ ในช่วงมกรา - กุมภานี่แหละค่ะ
จบขั้นตอนการเตรียมตัว พาร์ทหน้าเราจะออกเดินทางกันค่ะ เฮ้!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น