และแล้ววันออกเดินทางก็มาถึง ไฟลท์บินตรงไปสนามบินคันไซที่โอซาก้าของ Thai Air Asia X จะออกจากดอนเมืองเวลา 15:20 เรานัดเจอกันที่สนามบินประมาณบ่ายโมง เพื่อนเรานั่งแท็กซี่ไปจากบ้าน ส่วนเรานั่ง MRT ไปลงที่สถานีจตุจักร ออกฝั่งสวน แล้วต่อรถเมล์สาย A1 ซึ่งเป็นรถเมล์ด่วนที่จะพาไปยังท่าอากาศยานดอนเมืองโดยเฉพาะ ราคา 30 บาทตลอดสาย ใช้เวลาเดินทางไม่เกินครึ่งชั่วโมง นอกจากว่ารถจะติดจริงจัง หรือมีเหตุให้ปิดถนน
ไปถึงดอนเมืองก็ตรงไปเช็คอินกันเลย โดยจะใช้แค่พาสปอร์ตเท่านั้น เคาน์เตอร์เช็คอินของ Thai Air Asia X อยู่แถวที่ 4 ซึ่งจะแยกออกมาจาก Thai Air Asia เลย ตอนเช็คอิน เจ้าหน้าที่ถามถึงไฟลท์กลับ เราบอกว่าเราจองแยก แล้วเอาเมล์ให้ดูตามที่เขาขอ แล้วเขาก็บอกให้แคปหน้าจอไว้ เผื่อตม.ญี่ปุ่นถาม
เนื่องจากมีเที่ยวบินที่ออกช่วงเวลานี้ไม่มาก แถวเลยไม่ยาวเท่าไหร่ค่ะ เข้าไปก็เช็คอิน โหลดกระเป๋า รับบอร์ดดิ้งพาสกับใบตม. ตรงหน้าด่านตม.จะมีเคาน์เตอร์พร้อมปากกาให้ยืนเขียน เขียนเสร็จก็ไปเข้าด่าน ที่ดอนเมืองก็ไม่ต่างจากสุวรรณภูมิ คือช่องพาสปอร์ตไทยจะใช้เครื่องตรวจอัตโนมัติ ส่วนพาสปอร์ตต่างชาติจะใช้คนตรวจ เจ้าหน้าที่ที่นี่ไม่ดุนัก ค่อนข้างเฟรนด์ลี่เลยแหละ เราเลยขอเข้าช่องพาสต่างประเทศ
ผ่านด่านตม.ไปได้ ก็เข้าสู่ด่านตรวจความปลอดภัย(มั้ง?) ที่ต้องเอาสัมภาระเข้าเครื่องเอ็กซเรย์อะ และเราก็ค้นพบว่า ด่านเอ็กซเรย์สำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ดอนเมืองไม่โหดเท่าสุวรรณภูมิ จริงๆทริปก่อนเขียนไปแล้ว แต่ขอย้ำกันอีกที เสื้อคลุม กระเป๋า มือถือ คอม ให้เอาใส่ตะกร้าเข้าเครื่องเอ็กซเรย์ (ที่ดอนเมืองไม่ต้องถอดรองเท้ากับเข็มขัด) แล้วก็เดินตัวเปล่าผ่านซุ้มสแกนไป ด่านนี้จะตรวจของเหลวด้วย คุณสามารถมีของเหลวในครอบครองได้ไม่เกินขวดละ 100 ml และไม่เกิน 10 ขวด ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องเกิน 100 ml มากกว่า ขวดที่บรรจุของเหลวต้องมีปริมาตรไม่เกิน 100 ml ถ้าเกินคือทิ้งค่ะ เขาไม่สนด้วยว่าของข้างในจะถึง 100 ml หรือไม่
พ้นจากด่านเอ็กซเรย์ไปก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการ ออกไปก็เจอพวกร้านค้า ดิวตี้ฟรีทั้งหลาย ฝั่งที่เราออกมานี้คงเป็นฝั่งสำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ เพราะดูไม่คุ้นเลย ส่วนตัวเรารู้สึกว่าดอนเมืองให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและเป็นมิตรกว่าที่สุวรรณภูมิ เรารู้สึกสบายใจในทุกขั้นตอน และไม่เกร็งเท่าตอนออกทางสุวรรณภูมิ ร้านขายของที่ระลึกจากไทยมีของกินของใช้ที่น่าสนใจมากมายและราคาย่อมเยา
หลังจากเดินเล่นกันจนใกล้ถึงเวลาขึ้นเครื่องตอน 14:40 เราก็ไปรอกันที่เกต 12 เป็นงวงเกต เราจะขึ้นลำนี้ไปกันหละ
พื้นที่นั่งรอของเกตนี้เหมือนเป็นห้องเฉพาะเลย ไม่ได้นั่งรวมๆกันแบบฝั่ง Domestic ที่เราเคยผ่านมา คนที่นั่งรออยู่ในนี้ก็คงเป็นคนที่จะขึ้นเครื่องไปพร้อมๆกับเรา ให้ความรู้สึก VIP เบาๆ ทุกอย่างก็โล่ง รันเวย์ก็โล่ง ดูเป็นของเรา ตอนแรกนึกว่าจะใช้รันเวย์ร่วมกับ Domestic แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ ทิวทัศน์ดูแตกต่าง รันเวย์ดูโล่งมาก ทั้งๆที่ช่วงครึ่งแรกของปีเคยบินในประเทศและพบว่าเครื่องบินติดหนักมาก รอคิวเทคออฟกันนานมาก นานประมาณครึ่งชั่วโมงได้อะ
ได้เวลาขึ้นเครื่อง เครื่องบินของ Thai Air Asia X จะเป็น Airbus 330-300 ประกอบด้วยที่นั่งชั้นธุรกิจหรือ Premium Flat Bed 12 ที่นั่ง และที่นั่งชั้นประหยัด 365 ที่นั่ง จัดแบบ 3-3-3 แบ่งเป็น Quiet Zone ที่นั่งโซนเงียบพิเศษ ตั้งอยู่ถัดจากชั้นธุรกิจ จำนวน 63 ที่นั่ง สำหรับโซนนี้จะจำกัดอายุผู้โดยสาร ซึ่งจะต้องมีอายุ 12 ปีขึ้นไปเท่านั้น คงเพราะควบคุมตัวเองได้ดีแล้ว ไม่ส่งเสียงดังรบกวนคนอื่นแล้ว ส่วนที่เหลือเป็นที่นั่งชั้นประหยัดธรรมดา เราไม่ได้เลือกที่นั่ง เพราะมันต้องจ่ายตังค์เพิ่ม เลยได้ที่นั่งชั้นประหยัดธรรมดา แต่ที่ที่ได้ก็ถือว่าน่าพอใจทีเดียว เราได้ที่นั่งริมหน้าต่าง ตำแหน่งค่อนข้างดี มีปลายปีกติดมาแบบกำลังดี ส่วนเพื่อนเราได้ที่ตรงกลางข้างเรา แต่ที่นั่งที่ 3 ติดทางเดินไม่มีคนนั่ง เลยกลายเป็นว่าเราได้เก้าอี้ 3 ตัวต่อ 2 คน ก็นั่งกันสบายๆไป ไม่อึดอัด
ที่นั่งของเครื่องรุ่นนี้นั่งสบายกว่าเครื่อง A320 ที่ Thai Air Asia ใช้เยอะ ด้วย pitch ที่กว้างถึง 32 นิ้ว แต่ความกว้างของตัวที่นั่งหรือ width กลับกว้างแค่ 16.5 นิ้วเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าเครื่องเล็กด้วยซ้ำ เราไม่มีปัญหาอะไร แต่คนที่ตัวใหญ่อาจจะอึดอัดหน่อย
ด้านหลังของที่นั่งข้างหน้า ไม่มี TV ให้นะก๊ะ ใครกลัวเบื่อก็เตรียมหนังสือไปอ่านหรือเตรียมหนังไปดูกันเอาเอง
พื้นที่วางขาด้านหน้า เทียบกับคนสูง 160 กว่าๆ
สิ่งที่ยัดใส่กระเป๋าเป้ขึ้นมาบนเครื่องด้วย ผ้าขนหนูเช็ดตัวผืนใหญ่และตุ๊กตาเม่น
ผ้าขนหนู เอามาเผื่อโรงแรมไม่มีให้ และเอาขึ้นมาใช้แทนผ้าห่มบนเครื่อง
น้องเม่น เอามาใช้แทนหมอนรองหลังบนเครื่อง แต่นั่งสบายจนรู้สึกว่าไม่จำเป็น เลยเอามากอดเล่นแทน
เนื่องจากเป็นโลว์คอสต์ จึงไม่มีหมอนและผ้าห่มให้บริการ ถ้าใครอยากได้ต้องซื้อ Comfort Kit ที่ประกอบด้วยหมอนรองคอแบบเป่าลม ผ้าห่ม และผ้าปิดตา ชุดละ 350 บาท ซื้อแล้วก็เป็นของเราไปเลย หรือจะเช่าผ้านวมก็ได้ ไม่แน่ใจว่าในเว็บคือยังไง เห็นราคาแพ๊งงงงงงแพง ตั้งหกเจ็ดร้อยเป็นการซื้อขาดเลยรึไงไม่แน่ใจ แต่ในเมนูบนเครื่องจะมีให้เช่าผ้านวมด้วย ผืนละ 100 บาท เก็บก่อนเครื่องลง 1 ชั่วโมง คงป้องกันคนลากกลับบ้าน แอร์บนเครื่องที่เรานั่งไปไม่ได้เย็นมาก เพราะงั้นเลยนั่งไปแบบสบายๆ ส่วนผ้าขนหนูก็ช่วยให้ขาอุ่นๆดี
มาดูแผ่นๆหน้าที่นั่งกันมั่งดีกว่า
แผ่นข้อมูลความปลอดภัยและถุงสำหรับคนเมาเครื่องบิน
ข้อมูลความปลอดภัย ข้อควรปฏิบัติเมื่ออยู่บนเครื่อง ข้อควรระวัง และวิธีรับมือกับเหตุฉุกเฉิน
นิตยสารท่องเที่ยวสำหรับอ่านเล่นบนเครื่อง แคตตาล็อกสินค้า และเมนูอาหาร
สินค้าที่ระลึกของแอร์เอเชีย ช่วงนี้กำลังสนใจตุ๊กตาเครื่องบินจิ๋วที่เป็นพวงกุญแจอยู่ค่ะ
จะบอกว่าบนเครื่องของ TAAX เนี่ย จะไม่มีลูกเรือเดินขายสินค้าที่ระลึกแบบของ TAA นะคะ แต่คงมีสต็อคไว้อยู่แล้ว สนใจอันไหนก็ถามลูกเรือได้เลยค่ะ
หลังจากเครื่องขึ้นได้สักพักก็ได้ฤกษ์เสิร์ฟอาหารค่ะ เราสั่งชุดอาหารเช้าแบบตะวันตกล่วงหน้าไว้ทางเว็บ ราคา 190 บาท (ปัจจุบันเหมือนจะขึ้นราคาแล้ว) อาหารที่สั่งจองล่วงหน้าจากเว็บจะถูกกว่าสั่งบนเครื่อง และจะได้น้ำแร่ขวดเล็กๆฟรีด้วยค่ะ ถ้าซื้อบนเครื่องจะได้แค่อาหารอย่างเดียว และแพงกว่าด้วย
เริ่มต้นด้วยน้ำแร่และกระดาษรองกันเปื้อน กระดาษนี่เริ่ดมาก เนื้อมันจะแปลกๆแบบบอกไม่ถูก แต่มันจะเกาะพื้นถาด และช่วยไม่ให้ภาชนะใส่อาหารเลื่อนด้วย
ชุดอาหารเช้าแบบตะวันตก ประกอบด้วยออมเล็ต ไส้กรอกไก่ มันฝรั่งทอด และผักโขม เสิร์ฟพร้อมครัวซองต์ชิ้นเล็กๆกับเนย และน้ำส้ม
สำหรับเมนูนี้ คงต้องยอมรับว่าเราชอบของการบินไทยมากกว่าค่ะ ผักโขมดีอยู่นะ มันฝรั่งกับไส้กรอกโนคอมเมนท์ ส่วนไข่ เราว่ามันแห้งไปนิด มันไม่ชุ่มชื่นเหมือนของ TG และรสชาติออกไปทางไข่เจียวบ้านๆแบบของไทยไปหน่อย ส่วนครัวซองต์ชิ้นเล็กไป และเหมือนจะไม่มีรสเนยมากเท่าที่ควร
สำหรับปริมาณ เราไม่อิ่มอะ เหมือนกินแล้วยิ่งหิวหนักกว่าเดิม จะว่าเป็นมื้อแรกของวัน แต่เราตื่นมาอาบน้ำแต่งตัว เก็บของอีกนิดหน่อยแล้วก็ออกมาเลย แล้วมื้อแรกเราจะกินไม่ค่อยเยอะ ยิ่งเวลาเดินทาง ไปที่ที่ไม่คุ้นเคยจะไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แต่รอบนี้กลับหิวหนักมาก
เมื่อคิดถึงปริมาณ และการที่มันเป็นอาหารบนเครื่องบินแล้ว ราคานี้เราว่าไม่แพงหรอกค่ะ จองๆไปเหอะ ถูกกว่าซื้อบนเครื่อง ได้น้ำฟรีด้วย แล้วบินระยะไกลอย่างงี้ใครๆเขาก็กินกัน คุณจะทนกลิ่นอาหารจากคนรอบตัวได้แค่ไหนกันเชียว ยิ่งไฟลท์นี้ที่บินไปถึงตอนดึกๆ กว่าจะถึงที่พักก็ดึกเข้าไปอีก อย่างน้อยก็หลังเที่ยงคืนอะ ร้านอาหารก็ปิดหมดแล้ว ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ๆและเปิด 24 ชม.อาจจะมีบ้าง ถ้าคุณยังมีแรงและอารมณ์ออกไปหา แต่พอคิดในแง่ที่ว่าเราอาจไม่มีโอกาสได้กินอีกมื้อก่อนนอน เราต้องรอถึงเช้าของอีกวันเลยนะกว่าจะได้กิน เพราะงั้น อาหารบนเครื่องนี่แหละที่จะช่วยรองท้องให้คุณได้ หรือถ้าใครคิดว่าอาหารร้อนบนเครื่องแพง จะสั่งมาม่าก็ได้ค่ะ แต่เพื่อนเรามองว่าการกินมาม่าราคา 60 บาทเป็นอะไรที่ผิดผีมาก ตอนแรกนางไม่ได้จองอาหารไว้ แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว เลยซื้ออาหารร้อนกินบนเครื่อง เป็นข้าวหน้าไก่เทริยากิ ราคา...น่าจะสัก 180 บาท (ปัจจุบันเหมือนจะขึ้นราคาแล้ว) รึเปล่านะ...ไม่แน่ใจ และแน่นอนว่าต้องซื้อน้ำด้วย
และนี่ก็คือข้าวหน้าไก่เทริยากิของคุณเพื่อน นางบอกว่ากลิ่นแปลกๆ แต่รสชาติก็ไม่ได้เสียหายอะไร
หลังจากทานอาหาร ลูกเรือจะแจกใบตม.และใบศุลกากรญี่ปุ่นให้ ให้กรอกซะให้เรียบร้อย ไปกับแอร์เอเชียสบายค่ะ ไม่ต้องกลัวโง่กลัวงง เพราะเขามีใบอธิบายวิธีการกรอกใบตม.และใบศุลการกรทั้งของญี่ปุ่นและเกาหลีเป็นภาษาไทยให้ด้วย เพราะบางทีเราก็ไม่แน่ใจว่าช่องไหนควรจะกรอกอะไรลงไปกันแน่ มันไม่ได้เป็นใบเดี่ยวๆนะคะ เหมือนจะอยู่ในเล่มไหนสักเล่ม น่าจะเป็นเล่มเมนูอาหาร
หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาของการพักผ่อน คนส่วนใหญ่ก็จะปิดม่านหน้าต่างนอนกัน ลูกเรือยังคงเดินไปเดินมาเสิร์ฟมาม่าอยู่เรื่อยๆตลอดทาง
เริ่มมืดแล้ว ลูกเรือจะปิดไฟในเครื่องเพื่อให้ผู้โดยสารได้พักผ่อน
เป็นไฟลท์ที่อเลิร์ทมาก กิ๊วก๊าวเม้าท์มอยอะไรกันก็ไม่รู้ตลอดทาง ตอนแรกว่าจะลองนั่ง Quiet Zone แต่พอเจอตัวเองที่เป็นแบบนี้แล้วก็คิดว่าดีแล้วหละที่ไม่นั่งโซนนั้น เพราะเราคงรบกวนคนอื่นเขาไปตลอดทาง ขนาดโซนธรรมดายังรู้สึกเหมือนมีแค่เราที่วุ่นวายกันอยู่ อาจเป็นเพราะมันไม่มีอะไรให้เล่นละมั้ง เลยสนใจสิ่งรอบตัวกันมากขึ้นและหันมาคุยกันได้ ประกอบกับที่เราตื่นแล้วออกเดินทางเลย พลังงานเลยล้นเหลือ
บรรยากาศบนเครื่องแอร์เอเชียให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเองมาก ทั้งผู้โดยสารและลูกเรือ ต่างจาก TG ที่ดูยะเยือกไปหมด ลูกเรือแอร์เอเชียน่ารัก สุภาพ เป็นมิตร และยิ้มเก่ง ส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนไทย มีลูกเรือญี่ปุ่นปนๆมาบ้างเพื่อดูแลผู้โดยสารญี่ปุ่น และเหมือนจะมีแอร์เกาหลีติดมาคนนึงด้วย
ผู้โดยสารส่วนใหญ่มีทั้งคนไทยและญี่ปุ่นปนๆกัน อืมมมม...เหมือนจะหนักไปทางไทย ผู้โดยสารส่วนใหญ่ดูเป็นคนหนุ่มสาว ชนชั้นกลาง ซึ่งเรารู้สึกว่าพวกนี้จะดูเป็นมิตรกว่า บรรยากาศมันเลยอบอุ่น ไม่ยะเยือกแบบ TG ที่มักจะเป็นพวกผู้ใหญ่ นักธุรกิจ หรือข้าราชการระดับสูงขึ้นมาหน่อย
TBC.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น