วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Summer in Japan Part 6 : Tokyo SKYTREE

วันแรกที่โตเกียว วันเดียวที่จะได้เที่ยวเต็มๆวัน แว้บไปติ่งที่นากะเมกุโระก่อนค่ะ จากตอนก่อนนู้นที่ตัดสินใจออกจาก EXILE TRIBE STATION ที่โอซาก้าแบบมือเปล่า เพื่อมาซื้อที่โตเกียวทีเดียว พาร์ทสกายทรีอยู่ข้างล่างนะคะ เลื่อนลงไปได้เลยค่ะ เราขอระบายความระทมจากการติ่งแป๊บ






เราออกมาตอนบ่ายๆ วันนี้ไม่แน่ใจว่าเพราะตื่นสายหรือเพราะฝนตกและอยากรอให้ฝนซากันแน่ จากคามาตะ ขึ้นรถไฟโตคิว (Tokyu) สายทามากาวะ (Tamagawa) ไปลงที่สถานีทามากาวะ แล้วต่อสายโทโยโกะ (Toyoko) ไปลงที่สถานีนากะเมกุโระ (Naka-Meguro) ค่ะ ค่าเดินทางทั้งหมด 220 เยน



บรรยากาศที่สถานีรถไฟไหนสักที่ อาจจะเป็นสถานีที่ลงผิด เพราะมัวเล่นกับลูกชาวบ้านเขา เด็กผู้ชายญี่ปุ่นน่ารักและเป็นมิตรจริงๆค่ะ นางนั่งตรงข้ามเรา เราก็อิ๊อ๊ะๆ เล่นกับนางไป ในขณะที่ผู้ปกครองของนางก็แผ่จิตสังหารออกมาตลอดเวลา สุดท้ายกลัวโดนงาบหัวเลยรีบลงทั้งที่ยังไม่ถึงสถานีที่ต้องลงค่ะ (- -")




ถึงแล้วค่ะ นากะเมกุโระ หลังจากที่เคยนำเสนอภาพกิ่งซากุระโล้นๆ ในฤดูหนาวใน Japan 1st Time Part 5 มาแล้ว คราวนี้มาดูใบซากุระในฤดูร้อน (ที่ฝนตกทั้งวันและอุณหภูมิ 20 องศา) กันมั่งค่ะ สุดท้ายก็ยังไม่ได้เห็นดอกอยู่ดีสินะ T-T




จริงๆ เรามานากะเมกุโระเพื่อซื้อของที่ EXILE TRIBE STATION ค่ะ เลยถือโอกาสเก็บภาพนากาเมะในฤดูร้อนไปด้วยเลย ส่วนของเหรอคะ สรุปไม่ได้ซื้อค่ะ เพราะพอไปถึงร้านก็พบว่าเขาแจกบัตรคิวกันอีกแล้ว ลองไปรับบัตรมา พบว่าต้องรอเป็นชั่วโมงเลย แล้วฝนตก อากาศเย็น เสื้อผ้าเราไม่อบอุ่นพอ เหมือนจะไม่ได้เอาร่มติดมาด้วยมั้ง เลยตัดใจกลับไปนั่งสงบจิตใจที่โรงแรมก่อน พอบ่นๆ ลงเฟซ ก็มีเพื่อนคนนึงที่คุ้นเคยกับระบบพวกนี้มากกว่าเราบอกว่า จริงๆแล้วมันสามารถจองคิวเข้าช็อปจากโมบายก่อนได้ จะได้ไม่ต้องไปยืนรอ โอเคค่ะ เราจะจำไว้ละกัน


จริงๆ ไทรบ์สเตไม่ได้แจกบัตรคิวตลอดนะคะ เขาจะแจกกรณีที่ดูแล้วคนน่าจะเยอะอะค่ะ อาจจะเป็นช่วงเพิ่งเปิดร้าน หรือช่วงที่มีสินค้าใหม่มาลง รึไม่ก็เป็นช่วงที่ติ่งทุกคนพร้อมใจกันมาถล่มร้านโดยมิได้นัดหมาย คือเราคาดเดาอะไรแทบไม่ได้เลยอะค่ะ


โอเค ไม่ได้ของ ไม่เป็นไรค่ะ หลักๆที่อยากได้คือเสื้อคอนและอาจจะของหน้าคอนอีกนิดหน่อยแล้วแต่กิเลสจะผลักดัน แต่เดี๋ยวไปซื้อหน้าคอนเอาก็ได้ จริงๆก็ฝากเพื่อนซื้อเสื้อรุ่นลิมิเต็ดหน้าคอนไปแล้ว เลยปล่อยๆไป









Tokyo Skytree


โอเคค่ะ เรามาเข้าเรื่องเที่ยวกันต่อดีกว่า หลังจากตั้งสติได้แล้วก็ออกเดินทางอีกครั้ง ครั้งที่แล้วตั้งใจว่าจะไปสกายทรี แต่ก็ไม่ได้ไป ครั้งนี้เลยต้องไปสักที ดูเวลาแล้วก็น่าจะพอไหว ออกจากคามาตะ ขึ้นรถไฟ JR Keihin-Tohoku ไปลงที่สถานีทามาจิ (Tamachi) แล้วเดินไปต่อซับเวย์สายอาซากุสะ (Asakusa) ที่สถานีมิตะ (Mita)



นี่คือภาพตอนเดินจากสถานีทามาจิไปสถานีมิตะค่ะ


จากสถานีมิตะ นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานีโอชิอาเงะ (Oshiage) ก็ถึงสกายทรีแล้วค่ะ ค่าเดินทางทั้งหมด 440 เยน (เริ่มจากคามาตะเลย)






ถึงแล้วค่ะ โตเกียวสกายทรี หอคอยสูงๆนั่นคือที่ที่เราจะขึ้นไปชมวิวกันค่ะ นอกจากนี้แล้วยังทำหน้าที่เป็นหอคอยสื่อสารกระจายสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ระบบดิจิตอลภาคพื้นดินอีกด้วย


ส่วนตึกสูงๆ ข้างๆ คิดว่าน่าจะเป็น East Tower ค่ะ น่าจะเป็นตึกออฟฟิศ ส่วนข้างล่างคือ Solamachi เป็นโซนช็อปปิ้ง มีร้านค้าและร้านอาหารให้บริการค่ะ ส่วน Solamachi นี้เหมือนจะกินพื้นที่ตึก East Tower ส่วนล่างไป 10 ชั้น รวมทั้งชั้น 30-31 ที่อยู่บนสุด ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านอาหารด้วย






เคาน์เตอร์ขายตั๋วขึ้นจุดชมวิวจะอยู่ที่ชั้น 4 ค่ะ

เปิดให้บริการทุกวัน
8:00 - 22:00
เวลาอาจมีการปรับเปลี่ยนตามฤดูกาล และอาจปิดให้บริการชั่วคราวในช่วงที่มีลมกรรโชกแรงรบกวนการทำงานของลิฟท์ค่ะ


ราคาตั๋วตามอายุ

18 ปีขึ้นไป   2,060 เยน
12-17 ปี   1,540 เยน
6-11 ปี   930 เยน
4-5 ปี   620 เยน
ต่ำกว่า 3 ปี   เข้าฟรี

ตั๋วนี้จะขึ้นได้แค่ชั้น Tembo Deck (ระดับความสูง 350 เมตร) นะคะ
เคาน์เตอร์ขายตั๋วเปิดถึง 21:00



ถ้าอยากขึ้นชั้น Tembo Galleria (ระดับความสูง 450 เมตร) จะมีเคาน์เตอร์ขายตั๋วอยู่ที่ชั้น Tembo Deck ค่ะ แต่ราคาก็ไม่ใช่เล่น ส่วนตัวเราคิดว่าแค่ Tembo Deck ก็เหลือแหล่แล้ว สำหรับคนที่เงินกำลังจะหมด แต่ต้องอยู่ญี่ปุ่นอีก 2-3 วัน แถมยังมีของที่ต้องซื้ออีก


ราคาตั๋วขึ้น Tembo Galleria ตามอายุ

18 ปีขึ้นไป   1,030 เยน
12-17 ปี   820 เยน
6-11 ปี   510 เยน
4-5 ปี   310 เยน
ต่ำกว่า 3 ปี   เข้าฟรี

เคาน์เตอร์ขายตั๋วเปิดถึง 21:20




ตั๋วขึ้น Tembo Deck ค่ะ
ใบเล็กคือตั๋ว ใช้วิธีสแกน QR code ตอนผ่านเกต
ใบใหญ่คือแผ่นพับให้ข้อมูลเกี่ยวกับสกายทรี
แผ่นพับนี่สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บของ SKYTREE เลยนะคะ มีหลายภาษาทีเดียว รวมทั้งภาษาไทยด้วย




เข้าเกตมาได้ก็ตรงไปที่ลิฟท์ค่ะ มีพนักงานคอยกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งกดลิฟท์ให้ และควบคุมจำนวนคน


ลิฟท์ที่นี่มีชื่อเรียกเก๋ๆว่า Tembo Shuttle ค่ะ เป็นลิฟท์ที่เร็วที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีความเร็วสูงสุดถึง 600 เมตร/วินาที จึงสามารถนำผู้โดยสารขึ้นไปยังชั้น Tembo Deck ได้ในเวลาเพียง 50 วินาทีเท่านั้นค่ะ


พอลิฟท์ปิด ไฟในลิฟท์ก็จะดับลง และกลายเป็นไฟแบบนี้แทนค่ะ
รูปแบบไฟนี่จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล เรามาช่วงหน้าร้อน เลยเป็นธีมท้องฟ้าแห่งแม่น้ำสุมิดะค่ะ



ที่ชั้น Tembo Deck จะมีทั้งหมด 3 ชั้น เราจะมาโผล่ที่ชั้น 350m ก่อน ที่ชั้นนี้จะมีเคาน์เตอร์ขายตั๋วและลิฟต์สำหรับขึ้นไปชั้น Tembo Galleria ค่ะ

สำหรับชั้น Tembo Deck นี้ จะมีแพทเทิร์นในการเดินของมันอยู่ ในแผ่นพับจะมีบอกค่ะ แต่เราไม่ได้อ่านหรอก เดินตามคนอื่นเขาไปเลย ที่ชั้นชมวิวนี้ ผนังจะเป็นกระจกรอบด้าน จึงสามารถชมวิวโตเกียวได้ 360 องศา






มีไฟกระสือเล็กน้อย บางรูปติดวิญญาณ (เงาสะท้อนของคนอื่นในกระจก) มาด้วยเหอะ แต่ถ่ายง่ายกว่าตึกมิดแลนด์ที่นาโกย่าค่ะ อย่างน้อยที่นี่ก็เอากล้องแนบกระจกได้ นี่ขนาดแนบได้แล้วนะเนี่ย



วนๆ ถ่ายรูป วนรอบแล้วก็ลงไปข้างล่างค่ะ



ที่ชั้น 345m ไม่มีอะไรให้ดูมากนัก เพราะแค่ร้านขายของที่ระลึก THE SKYTREE SHOP และห้องอาหารมุซาชิ (Musashi) ก็กินพื้นที่ไปเกือบทั้งชั้นแล้ว

ลงต่อไปค่ะ
ไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่อยู่ที่ชั้น 340m ซึ่งเป็นชั้นล่างสุดของจุดชมวิวค่ะ นั่นก็คือพื้นกระจกหรือ Glass Floor นั่นเอง นั่นหมายความว่าเราสามารถมองทะลุลงไปข้างล่างจากระดับความสูง 340 เมตรได้ เราสามารถขึ้นมายืนบนกระจกได้นะคะ ของเค้าแข็งแรงและปลอดภัยค่ะ และเขาก็ไม่ได้ห้ามด้วย





ดูเสร็จก็กลับค่ะ ลิฟต์สำหรับลงจะอยู่ที่ชั้น 340m (บอกแล้วว่าเขามีแพทเทิร์นในการเดินอยู่)





สำหรับที่ชั้น Tembo Deck จะมีร้านค้าและบริการดังนี้ค่ะ



 ชั้น 350m ตรงทางออกจากลิฟต์ (ขึ้นมาก็เจอเลย)
ชั้น 340m ตรง Glass Floor
ค่าบริการ 1,300 เยน (รวมภาษี)



 ชั้น 350m เหมือนเป็นซุ้มเฉยๆ แต่ก็มีที่นั่ง และเหมือนจะมีให้บริการแค่เครื่องดื่มเท่านั้นค่ะ
ชั้น 340m ดูเป็นร้านกว่า ให้บริการของหวาน อาหารว่าง และเครื่องดื่ม 
ราคาแพงกว่าทั่วไปนิดหน่อย แต่พอคิดถึงตำแหน่งที่ตั้งของร้านก็ถือว่าพอรับได้อยู่ค่ะ
เปิดบริการ 8:00 - 21:45
สั่งอาหารได้ถึง 21:15



Sky Restaurant 634 (อ่านว่ามุซาชิ)

 634 คือความสูงของ Tokyo Skytree ค่ะ ในภาษาญี่ปุ่นสามารถออกเสียงว่ามุซาชิได้ด้วย นอกจากนี้ ชื่อมุซาชิยังเป็นชื่ออาณาจักรดั้งเดิมตั้งแต่สมัยก่อนประเทศญี่ปุ่นจะถือกำเนิด ซึ่งครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของโตเกียว ไซตามะ และคานากาวะอีกด้วยค่ะ
สำหรับ Sky Restaurant 634 นี้ เป็นห้องอาหารลอยฟ้า ตั้งอยู่ที่ชั้น 345m
ราคาอาหารร้านนี้ถือว่าสูงเอาเรื่องอยู่ค่ะ
เปิดบริการ 11:00 - 23:00
สั่งอาหารได้ถึง 20:30



 ร้านขายของที่ระลึกของ Tokyo Skytree
ตั้งอยู่ที่ชั้น 345m
เปิดบริการ 8:00 - 21:30



ลงมาจากสกายทรี แวะช็อปปิ้งที่ยูนิโคล่ Solamachi ซะหน่อย อย่างน้อยก็หาเสื้อหนาๆ ที่พอให้ความอบอุ่นได้มาใส่สักตัวก็ยังดี ราคายูนิโคล่ที่ญี่ปุ่น ณ เวลานั้น ส่วนใหญ่จะถูกกว่าไทยค่ะ ตอนนี้ไม่รู้แพงกว่ารึยังนะคะ เพราะค่าเงินญี่ปุ่นแพงขึ้นเยอะ

อ้อ ราคาที่ป้ายเป็นราคาแบบไม่รวมภาษีนะคะ ตอนจ่ายเงินโดนบวกภาษีเข้าไปก็งิดเหมือนกันค่ะ สามารถทำเรื่องขอคืนภาษีได้ แต่จำไม่ได้แล้วว่าต้องมียอดซื้อขั้นต่ำเท่าไหร่นะคะ เพราะของเรายอดไม่ถึง





ขากลับนี้ เราคิดว่าน่าจะพอมีเวลาเหลือ เลยแวะไปโตเกียวทาวเวอร์ซะหน่อยค่ะ แต่จริงๆ ตอนนั้นก็น่าจะประมาณ 2 ทุ่มแล้วแหละ จากสถานีโอชิอาเงะ (Oshiage) ที่สกายทรี ขึ้นรถไฟสายอาซากุสะ (Asakusa) ไปลงที่สถานีไดมง (Daimon) แล้วก็เดินไปตาม Google Map



แต่เราไปไม่ถึงค่ะ เดินไปได้แป๊บเดียวฝนก็เริ่มตกปรอยๆ เราก็ไม่มีร่ม อากาศก็เย็นด้วย ตอนที่ไปถึงก็เลยสองทุ่มครึ่งไปแล้ว เลยถ่ายรูปยอดทาวเวอร์เท่าที่เห็นมานิดหน่อย แล้วกลับโรงแรม



เปิดบริการ 9:00 - 23:00 ทุกวัน
(ขึ้นได้ถึง 22:30)

ค่าขึ้นหอคอยชมวิว
ชั้นหลัก (150m) 900 เยน
ชั้นพิเศษ (250m) 700 เยน


โตเกียวทาวเวอร์นี่รถไฟจะเข้าไม่ค่อยถึงเท่าไหร่นะคะ ถึงจะมีรถไฟผ่านหลายสาย แต่ก็ใช้เวลาเดินจากสถานี 5 - 15 นาที และที่ญี่ปุ่นไม่มีมอเตอร์ไซค์รับจ้างนะคะ แท็กซี่ก็แพ๊งแพง แต่ถ้าใครคุ้นเคยกับการเดินจากป้ายรถเมล์หรือสถานีรถไฟฟ้าไปยังสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพ ที่อยู่ในรัศมีไม่ต่ำกว่า 800 เมตร จากสถานี ก็ไม่น่าจะมีปัญหา


ขากลับโรงแรม เราเดินย้อนกลับทางเดิม และเดินต่อไปอีกหน่อย จะเป็นสถานี JR Hamamatsucho แล้วขึ้นรถไฟสาย Keihin-Tohoku กลับโรงแรมที่คามาตะได้เลยค่ะ









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น