บัมพาคุคิเน็นโคเอ็ง (万博記念公園: Bampaku-kinen-kouen)
หรือ Expo Park นี้ เคยเป็นสถานที่จัดงาน Expo '70 ซึ่งเป็นงาน World Expo
ประจำปี 1970 ค่ะ สวนนี้กินพื้นที่ถึง 2.64 ตารางกิโลเมตร ภายในสวนประกอบด้วยสวนรูปแบบต่างๆ ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์และสนามกีฬา
สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีบัมพาคุคิเน็นโคเอ็ง ของรถไฟ Osaka Monorail ค่ะ แต่ก็เดินไกลเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
วิธีไปจากนัมบะค่อนข้างหลากหลาย เสิร์ช Google Map เลยค่ะ แล้วเลือกเส้นทางตามสะดวก จังหวะของเรามาลงที่เส้นนี้พอดี และเหมือนจะเป็นเส้นทางที่แพงที่สุดด้วย ค่ารถไฟรวม 710 เยน
สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีบัมพาคุคิเน็นโคเอ็ง ของรถไฟ Osaka Monorail ค่ะ แต่ก็เดินไกลเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
วิธีไปจากนัมบะค่อนข้างหลากหลาย เสิร์ช Google Map เลยค่ะ แล้วเลือกเส้นทางตามสะดวก จังหวะของเรามาลงที่เส้นนี้พอดี และเหมือนจะเป็นเส้นทางที่แพงที่สุดด้วย ค่ารถไฟรวม 710 เยน
จากนัมบะ เดินไปที่สถานีรถไฟใต้ดินนิปปมบาชิ (日本橋: Nippombashi) ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที เปิด Google Map
ให้มันนำทางแล้วเดินตามไปเลยค่ะ ตอนนั้นไม่รู้อะไรดลใจ
อยากขึ้นรถไฟของฮังคิว เลยเลือกขึ้นสายซาไคสึจิ (Sakaisuji)
และไม่รู้ว่ามึนอะไร ดันไปเลือกเส้นทางที่ยุ่งยากที่สุดและแพงที่สุดซะงั้น
จริงๆนั่งขบวนที่ไปคิตะ-เซ็นริ (北千里: Kita-Senri) แล้วยิงยาวไปต่อโมโนเรลที่สถานียามาดะ (山田: Yamada) จะถูกกว่า แต่เราดันเลือกไปลงอะวะจิ (淡路: Awaji) เพื่อต่อสายเกียวโตฝั่งคาวาระมาจิ (河原町: Kawaramachi) ไปลงที่มินามิ-อิบารากิ (南茨木: Minami-ibaraki) เพื่อต่อโมโนเรลอีกทีแทน


รถไฟสายฮังคิว สวยดีอะ ชอบ


จากสถานีมินามิอิบารากิ ขึ้นโมโนเรลต่อไปลงที่สถานีบัมพาคุคิเน็นโคเอ็ง
ถึงแล้วค่ะ


เห็น
Tower of the Sun สัญลักษณ์ของงาน Expo '70 อยู่ลิบๆ Expo Park
ก็อยู่ตรงนั้นแหละค่ะ เห็นแล้วแอบท้อเบาๆ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจสู้

ถึงแล้วค่ะ Expo Park และ Tower of the Sun
ถ้าใครเคยดู/อ่านการ์ตูน/ดูหนังเรื่อง 20th Century Boys
อาจจะเคยเห็นสิ่งนี้ จริงๆเราก็จำมันได้จากเรื่องนี้นี่แหละ
ส่วนตัวรู้สึกว่ามันดูหลอนๆ และค่อนข้างเกลียดมันด้วยซ้ำ
แต่ในเมื่อมาถึงถิ่นแล้ว ก็อยากจะเห็นของจริงสักครั้งหละนะ
แต่...
เราลืมเช็คเวลาเปิด-ปิดสวนค่ะ นี่แกนึกว่าที่นี่เป็นสวนจตุจักรรึยังไง
สวนนี่จะเปิดวันพฤหัส - วันอังคาร (พูดง่ายๆคือปิดวันพุธ ยกเว้นวันพุธที่เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์)
เวลาเปิดคือ 9:30 - 17:00 (เข้าได้ถึง 4 โมงครึ่ง หลังจากนั้นไม่ให้เข้าแล้ว)
นอกจากนี้แล้วยังปิดช่วงปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม - 1 มกราคม อีกด้วย
แต่ถ้าเป็นฤดูซากุระ (1 เมษายน - ต้นพฤษภาคม) กับฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะเปิดทุกวัน
ค่าเข้าชมสวน
ผู้ใหญ่ (15 ปีขึ้นไป) 250 เยน
เด็ก (7 - 15 ปี) 70 เยน
เด็ก (ต่ำกว่า 7 ปี) เข้าฟรี
ความเฟลคือ กว่าเราจะไปถึงก็เกือบๆ ห้าโมงเย็นแล้ว
ความเฟลอย่างที่ 2 คือ เราไปวันพุธ เฮ~
ไปถึงเจอประตูปิด สตันไป 1 นาที สุดท้ายก็เดินวนไปวนมาหน้าสวนเล่น
มีคนเดินออกมาจากสวนเรื่อยๆ อาจจะเป็นคนที่ทำงานอยู่ในนั้น เพราะประตูใหญ่ปิด คนพวกนั้นจะออกมาทางประตูเล็กที่อยู่ข้างๆ ห้องน้ำค่ะ
บรรยากาศที่นี่เวลานี้ดีมากค่ะ แดดร่มลมตก
มีลมพัดเย็นสบายคลอกับเสียงร้องของจั๊กจั่น ไม่รู้จะทำอะไร
จะกลับไปตอนนี้ก็รู้สึกไม่คุ้มค่ารถกับเวลาที่เสียไปแปลกๆ
หันไปมองตู้ไอติมที่ดึงดูดความสนใจเราตั้งแต่ตอนที่เดินเข้ามา เอาวะ
ไม่ได้เข้าสวนก็นั่งกินไอติมมันหน้าสวนนี่แหละ
ไอติมกูลิโกะที่คนไทยกรี๊ดกร๊าดกันนักหนาด้วย ดูซิ จะอร่อยสักแค่ไหน

วิธีกด
1.
ใส่เงินเข้าไปก่อน ช่องใส่เหรียญรับเหรียญ 10 ถึง 500 เยน
ช่องใส่แบงค์จะรับแค่แบงค์พันนะคะ
แล้วก็จะมีไฟขึ้นมาว่าเราสามารถซื้ออันไหนได้บ้าง
2. กดปุ่มเลือกแบบที่เราต้องการ ไอติมจะร่วงลงมาที่ช่องข้างล่าง
3. ถ้าต้องทอน ให้กดคันโยกสีส้มข้างๆช่องใส่เหรียญ เงินทอนจะออกมาตรงช่องสีส้มๆข้างล่างที่อยู่ข้างช่องรับไอติม

เนื่องจากไม่รู้ว่าเขาฮิตรสอะไรกัน แล้วก็มีรสให้เลือกเยอะเหลือเกิน
สุดท้ายเลยตัดสินใจซื้อรสองุ่นมัสแคทและโซดามาค่ะ (Muscat & Soda) ราคา
160 เยน

เนื้อไอติมเป็นสีฟ้าสลับเขียวอ่อนๆค่ะ
รสชาติคล้ายๆ พวกลูกอมเคี้ยวหนึบรสโซดาของญี่ปุ่น
(ลูกอมนี่มีขายทั่วไปในไทย) มีกลิ่นหอมขององุ่นมัสแคท
เราว่ารสมันออกเปรี้ยวๆ นมๆ หน่อย เหมือนนมเปรี้ยวอะค่ะ

นั่งกินมันตรงเก้าอี้แดงของโค้กนี่แหละ ตอนนั่งแอบกลัวเก้าอี้พังเบาๆ
คือเก้าอี้มันดูเบา ดูก๊องแก๊ง ดูไม่แข็งแรงอะค่ะ แต่ก็นั่งได้นะ
ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ได้ยินเสียงอะไรลั่น
หลังจากนั้นก็กลับค่ะ ไม่มีอะไรทำแล้ว แบตมือถือจะหมดแล้ว เลยกลับไปชาร์จแบตทั้งมือถือและตัวเองที่โรงแรม ก่อนจะออกไปหาเพื่อนตามนัดค่ะ
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น