วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2559

ฝนนี้ ที่เชียงราย ::: #4 ดอยผาตั้ง

จากเมืองเชียงรายขึ้นมาดอยผาตั้ง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า เส้นทางเป็นถนนลาดยางสภาพดีค่ะ แต่ก็มีช่วงสูงชันหรือโค้งหักศอกอยู่เยอะเหมือนกัน ก็ระวังกันหน่อยละกันค่ะ ขึ้นมาถึงก็เข้าที่พัก จัดการธุระ เก็บของเรียบร้อยก็ขึ้นยอดดอยกันค่ะ จริงๆ ที่พักเราก็อยู่ระดับบนๆ อยู่แล้ว เลยอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ น่าจะกิโลนึงได้มั้งคะ แนะนำให้ขับรถไปค่ะ ตอนที่นั่งรถไปเราก็รู้สึกได้ว่ามันไกลเหมือนกันนะคะ แล้วยังต้องเดินขึ้นจุดชมวิวอีก ซึ่งก็ไกลใช้ได้เลยค่ะ






ถึงแล้วค่ะ ผาบ่อง



เห็นป้ายสีน้ำเงินทางขวามือมั้ยคะ คิดว่าน่าจะเป็นป้ายแนะนำจุดท่องเที่ยว แต่เราไม่ทันสังเกต พลาดเลยค่ะ พลาด (T^T)





จุดชมวิวที่เราจะขึ้นไปกันค่ะ ดูแบบนี้เหมือนไม่สูงเท่าไหร่เนาะ



มีร้านค้าตั้งเรียงรายอยู่หน้าทางขึ้น คุณลุงแท็กซี่บอกว่าช่วงนี้ร้านค้าพวกนี้จะปิด และจะเปิดตอนช่วงหน้าหนาวที่เป็นฤดูท่องเที่ยวค่ะ








ขึ้นดอยกันค่ะ
เราขึ้นไปกันแบบมั่วๆ เลยนะคะ ไม่ได้หาข้อมูลอะไรมาเลย





 ด่านที่ 1
ศาลาอนุสรณ์นายพลหลี นายพลหลีคือใคร คลิกที่รูปข้างล่างเลยค่ะ ถ่ายมาให้แล้ว (เรื่องของเรื่องคือขี้เกียจพิมพ์ ;P)






วิวจากจุดชมวิวที่อยู่ใกล้ๆ กันค่ะ




ลุงบอกว่าอีกฝั่งเป็นประเทศลาว แต่เราไม่แน่ใจว่าเขาแบ่งเขตประเทศกันตรงไหนนะคะ



จุดชมวิว เหมือนจะลงไปต่อได้ แต่ก็ไปต่อไม่ได้แล้ว ( ̄▽ ̄)

ระหว่างที่ชมวิวอยู่ก็ได้ยินเสียงระฆังดังแก๊งๆ มาจากข้างบน คุณลุงแท็กซี่ที่ขึ้นมาด้วยกันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่นี่ก็น่าจะมีแค่พวกเรา เพราะงั้นต้องเป็นลุงแน่ๆ ลุงคงล่วงหน้าไปก่อนแล้ว




ย้อนกลับขึ้นไปค่ะ



ดอกหญ้าธรรมดา ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่ความท้าทายเล็กๆ น้อยๆ ของคนใช้กล้องมือถือที่ถ่ายมาโครไม่ค่อยได้ก็เท่านั้นเอง (T∇T)



ไฟไหม้!! ヘ(゜ο°;)ノ
ล้อเล่นค่ะ
ช่วงนั้นมีข่าวไฟไหม้ป่าเขาเยอะมากค่ะ
แต่ภาพที่เราถ่ายมาจริงๆ เป็นแค่ดวงอาทิตย์กับก้อนเมฆที่ลอยระยอดเขาเท่านั้นค่ะ (^_^)







ขึ้นไปข้างบนกันค่ะ ดูซิจะมีอะไร



โอ๊ะ! มีของแบบนี้อยู่ในที่อย่างงี้ด้วยเหรอเนี่ย แต่ดูดีจัง (@⌒_⌒@)



เสียงระฆังเมื่อกี๊ต้องมาจากตรงนี้แน่ๆ ( ̄∇ ̄)


วิวจากจุดชมวิวด่านที่ 2
(ตรงพระนั่นแหละค่ะ)



และนั่นก็คือด่านต่อไปค่ะ เห็นเส้นทางเดินมั้ยคะ o(^o^)o

ระหว่างที่เราลั้นลาอยู่ที่ด่าน 2 ก็แอบเห็นคุณลุงกำลังขึ้นดอยด่านสุดท้ายอยู่ไกลๆ





ย้อนกลับลงไปข้างล่างค่ะ เพราะทางแยกสำหรับไปด่านถัดไปอยู่ข้างล่าง



ประมาณนี้หละค่ะ



ป้ายบอกทาง



ทางเดินก็ประมาณนี้ค่ะ





ถนนข้างล่างที่เราจากมา


ออกเดินมาได้หน่อยนึงก็ได้ยินเสียงระฆังดังมาจากที่ไกลๆ (อีกแล้ว) ลุงอีกแน่ๆ และบนยอดนั้นคงมีระฆังอีกลูก ทำไมลุงเทนชั่นอัพจังคะ ลุงดู enjoy hiking เหลือเกิน นี่ตกลงเราเป็นฝ่ายพาลุงมาเที่ยวใช่มั้ย (T∇T)


จริงๆ เป็นฝ่ายเราที่ไปแบบช้าๆ กันด้วยแหละค่ะ ลุงเค้าก็เดินไปเรื่อยๆ แต่เราเดินไปถ่ายรูปไป ปกติผู้หญิงก็มักจะเดินช้ากว่าผู้ชายกันอยู่แล้ว แถมยังมัวกลัวทางอีก ( ̄∇ ̄;)




วิวระหว่างทาง


เดินไปได้ประมาณครึ่งทางก็ป๊ะกับคุณลุงที่เดินย้อนกลับมา Σ( ̄ロ ̄lll)

ลุง: จะขึ้นไปมั้ย
เรา: ขึ้นค่ะ
ลุง: งั้นเดี๋ยวลุงขึ้นไปเป็นเพื่อนละกัน แหม นึกว่าจะไม่มากันซะแล้ว ก็คิดอยู่ว่าถ้าเกิดลุงล้มหรือเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมา ใครจะมาพาลุงลงไป

ลุงไม่ต้องห่วงค่ะ ถ้าไม่มีลุง เราก็กลับไม่ได้ ถ้าลุงเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ เราต้องหาทางทำอะไรสักอย่างแน่ๆ ค่ะ



การเดินขึ้นจุดชมวิวไม่ยากเท่าไหร่ค่ะ แต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่เห็นหรอกนะคะ มันไม่มีอะไรกั้น ไม่มีอะไรให้ยึดเกาะ เลยน่ากลัวนิดๆ ค่ะ ตอนนั้นพื้นจะดูเปียกๆ แต่ไม่แฉะ บางจุดมีตะไคร่เกาะนิดๆ ด้วย แถมยังเป็นพื้นเอียงอีก เราเลยกลัวลื่นหรือเสียหลักตกลงไปน่ะค่ะ แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ ไม่ลื่นอย่างที่คิด ดินก็แน่นระดับนึง เหยียบแล้วแทบไม่ยวบเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การเล็งจุดลงเท้าดีๆ ก็สำคัญมากนะคะ ถ้าเหยียบไปโดนจุดที่ไม่มั่นคงบวกกับความตกใจก็อาจเป็นเรื่องได้เหมือนกัน เพราะงั้นก็ขอให้ระมัดระวังและมีสติรอบคอบในทุกย่างก้าวด้วยนะคะ




ด่านที่ 3
ช่องผาขาด





ถัดจากผานี่ไปก็เป็นประเทศลาวแล้วค่ะ



จากช่องหินมีที่ยื่นออกมานิดหน่อย ข้างล่างมีคนเอาวัวมาเลี้ยงด้วย เห็นแต่วัวนะคะ ไม่เห็นคนดูแล ดูเหมือนพวกมันกำลังเดินกลับบ้านกันแหละค่ะ ลุงแกก็ตะโกนเรียกวัวเล่น แล้วมันก็หยุดมอง ลุงเล่นอะไรคะ (T∇T)





ต่อจากช่องผาขาด เราจะไปขึ้นจุดชมวิวกันค่ะ ตรงนี้ลุงไม่ได้ขึ้นไปด้วยนะคะ

จากที่ไปดูแผนที่มาทีหลัง คิดว่าตรงนี้น่าจะเป็นเนิน 102 ค่ะ 103 เหมือนจะเป็นเขาอีกลูกเลย ต้องเดินต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร แต่เราก็ไม่เห็นทางเดินต่อไปแล้วนะ หรือเพราะเมฆหมอกมันปกคลุมจนมองเห็นได้ไม่ไกล บวกกับความเหนื่อย และใกล้มืดแล้ว เราเลยไม่กล้าอยู่นานค่ะ




ดินถูกเซาะเป็นช่องๆ เหมือนขั้นบันไดเอาไว้ เหมือนจะขึ้นง่าย แต่ก็ไม่ง่ายนะคะ ขอบคุณที่ทำราวจับไว้ให้ค่ะ ถ้าไม่มีราวนี่เราก็คงไม่กล้าขึ้นไป



ขึ้นมาถึงข้างบน มีโอเอซิสอยู่เล็กน้อย






ด่านที่ 4
จุดชมวิวดอย 102
มีระฆังอยู่จริงๆ ด้วย





.......ถึงจะบอกว่าจุดชมวิวก็เหอะนะ
แต่ไหนล่ะวิว?! (T∇T)
ขาวโพลนไปหมดเลย คิดว่าไม่น่าใช่หมอกนะคะ น่าจะเป็นเมฆที่ลอยต่ำมากกว่า แต่แบบนี้ก็ให้ความรู้สึกว้าวไปอีกแบบค่ะ





ได้ขึ้นมาถึงแล้ว ได้ถ่ายรูปแล้วก็กลับค่ะ
 


จากที่มาดูในแผนที่ทีหลัง เหมือนแถวๆ ช่องผาขาดจะมีป่าหินอยู่ด้วย ทำไมเราไม่สังเกตเห็น พยายามเพ่งมองผ่านหมอกในรูปนี้ดูก็ไม่เห็นค่ะ เห็นแค่เงาตะคุ่มๆ แต่แถวนี้ก็มีหินเยอะกว่าจุดอื่นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ





 เริ่มมืดแล้ว มาเที่ยวช่วงนี้ดีตรงที่มืดช้าค่ะ กว่าจะเริ่มมืดก็ทุ่มนึง เลยมีเวลาเที่ยวกันนานหน่อย








กลับลงมาแล้ว คุณลุงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีอีกจุดนึง อยู่ใกล้ๆ ลุงเลยพาลงไป บอกว่าไหนๆ ก็มาแล้ว เดี๋ยวจะว่ามาไม่ถึง


ก่อนจะขึ้นบันไดนี้ไป มันจะมีทางลงอยู่ข้างๆ ค่ะ เหมือนลุงจะเรียกว่าผาบ่อง เป็นบันไดคอนกรีตมีราวจับสภาพใหม่เอี่ยม ลุงบอกว่าเขาเพิ่งทำปีนี้ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึงในช่วงปลายปีค่ะ

เราเก็บรายละเอียดได้ไม่มากนัก เพราะเริ่มมืดแล้วค่ะ และไม่มีไฟด้วย มีพร็อพถ่ายรูปรูปหัวใจ(?)มุ้งมิ้งให้ด้วย ซึ่งเราทั้งสามคนเห็นตรงกันว่า เพื่อ?? 


รูปจากตรงซอกนั่นแหละค่ะ มันมืดแล้ว ถ่ายมาได้แค่นี้จริงๆ (>/\<) ตรงจุดนี้จะมีน้ำหยดลงมาเรื่อยๆ



ดูเสร็จแล้วก็กลับที่พักค่ะ
ปิดท้ายด้วยรูปอาทิตย์อัสดงจาก...ที่ไหนสักที่ ถ้าไม่ใช่แถวผาบ่องก็คงถ่ายจากที่พักอะค่ะ







เรามาในช่วงปลายเดือนมิถุนา แถมยังเป็นปีลานีญาด้วย (สำหรับแถบบ้านเราคือจะเป็นปีที่ฝนตกชุกค่ะ) เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมากกกกก ถือว่าเราโชคดีจริงๆ ค่ะ ที่ไม่เจอฝนหนักๆ จนเที่ยวไม่ได้หรือเป็นอันตรายต่อการเดินทาง


ทิวทัศน์หน้าฝนสวยมาก สีมันจะสด ต้นไม้ใบหญ้าดูเป็นสีเขียวสดกว่าช่วงเวลาอื่น ภูเขาช่วงนี้เป็นสีเขียวขจี ดูสวยและสดชื่นมาก (ถ้าไม่โดนเผาซะก่อนนะ) และถ้าโชคดีจริงๆ ก็อาจได้เจอหมอกเหมือนกันค่ะ


ส่วนอากาศช่วงหน้าฝน บนดอยอากาศเย็นอยู่นะคะ เราไปถึงที่พักตอนเย็นๆ เทอร์โมมิเตอร์ของที่พักอยู่ที่ 22 องศาเองมั้ง แต่อาจเพราะมีแดดและความชื้นสูง(มากกกกกกก) เลยไม่รู้สึกหนาวอะไร คนขี้หนาวอย่างเรายังใส่เสื้อแขนกุดฤดูร้อนได้สบายๆ แค่รู้สึกเย็นๆ ผิวนิดหน่อย แต่หลังตะวันตกดินนี่คนละเรื่องเลยค่ะ ถ้าคิดจะขึ้นดอยหน้าฝนก็เตรียมชุดนอนหรือเสื้อคลุมที่อบอุ่นระดับนึงขึ้นไปด้วยนะคะ


ช่วงที่เราไปไม่ค่อยมีลมค่ะ ถึงจะขึ้นไปบนยอดดอยก็ยังไม่ค่อยมี แต่ความชื้นก็ทำเอาหน้าและผมเยินได้เหมือนกันค่ะ ( ̄∇ ̄;)





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น