แต่เราเลทค่ะ กว่าจะกลับไปถึงโรงแรมก็น่าจะเลย 4 โมงครึ่งไปแล้ว รับกระเป๋าคืน นั่งพัก จัดของที่ซื้อมาด้วยอีกนิดหน่อย ก็ออกเดินทางสู่สถานีอุเอโนะ (Ueno) เพื่อไปขึ้น Skyliner ไปนาริตะกันค่ะ จริงๆ อยากนั่ง N'EX แต่แพงง่ะ ตั๋วเที่ยวเดียวตั้ง 3 พันกว่าเยนแน่ะ แต่ถ้าซื้อไปกลับจะเหลือแค่ 4 พันเยนเท่านั้น (เด็ก 2 พันเยน) ซึ่งเราใช้แค่เที่ยวเดียว เพราะขามาเราลงที่โอซาก้า แล้วนั่งรถไฟเข้ามาโตเกียวค่ะ
เริ่มออกเดินทางกันค่ะ จากคามาตะ นั่ง JR Keihin-Tohoku ไปลงที่สถานีอุเอโนะ ค่ารถ 310 เยน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที แล้วเดินไปที่สถานี Keisei Skyliner คือมันไม่ได้เชื่อมต่อกันอะค่ะ แอบหลงนิดๆ เหมือนกัน ( ̄∇ ̄;)
ถึงจะเลทจากที่แพลนไว้ตอนแรก แต่ก็มาทันสกายไลน์เนอร์รอบสุดท้ายตอน 18:20 พอดีค่ะ เหมือนจะต้องซื้อตั๋วที่ตู้กดตั๋วก่อนนะคะ เพราะมันบังคับจองที่นั่ง คิดว่าถ้าไม่เลือกที่นั่ง ระบบคงสุ่มให้เอง สามารถจ่ายค่าตั๋วด้วยเงินสด บัตรเครดิต หรือ IC Card ได้ค่ะ
ค่าตั๋ว Skyliner 2,470 เยนตลอดสาย (เด็ก 1,240 เยน) แบ่งเป็นค่าเดินทาง 1,240 เยน และค่าธรรมเนียม Skyliner 1,230 เยน ถ้าใช้ IC Card จะได้ส่วนลดค่าเดินทาง 5 เยนค่ะ
Skyliner เป็นรถไฟด่วนเชื่อมต่อโตเกียวกับสนามบินนาริตะ โดยจะจอดที่อุเอโนะและนิปโปริ (Nippori) แล้ววิ่งตรงไปนาริตะเลย ที่นาริตะจะจอดที่เทอร์มินอล 1 และ 2-3 ใช้เวลาจากอุเอโนะไปนาริตะประมาณ 40 - 50 นาที รถจะจอดที่เทอร์มินอล 2-3 ก่อน แล้วถึงจะเลยไปเทอร์มินอล 1 นะคะ ส่วนเราเลือกลงที่เทอร์มินอล 2-3 ค่ะ
ที่เว็บ Skyliner เขาบอกว่าเจ้ารถไฟเนี่ย สามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง
160 km/h เชียวนะ ตอนแรกที่ออกจากอุเอโนะไปนิปโปริก็เฉยๆ นะ
ความเร็วเท่ารถไฟธรรมดาทั่วไป
แต่พอออกจากนิปโปริแล้ววิ่งตรงไปนาริตะนี่แหละ ที่มันเร็วขึ้นจนรู้สึกได้
คงเป็นเพราะไม่ต้องจอดกลางทางอีกแล้ว เลยสามารถเร่งความเร็วได้เต็มที่
แต่ถ้าใครอยากเดินทางแบบประหยัด ก็ยังมีรถธรรมดาอยู่นะคะ
ค่ารถประมาณพันกว่าเยน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เห็นว่ารถโล่งด้วย
แต่จะมีช่วงไหนที่แน่นบ้างรึเปล่าก็ไม่แน่ใจนะคะ
ทางโรงแรม Narita Tobu Hotel Airport ที่เราไปพัก มีบริการรถรับส่งฟรีระหว่างโรงแรมกับสนามบิน โดยมีจุดจอดทั้งหมด 3 จุดค่ะ
จากสนามบินไปโรงแรม
◼ Terminal 1 (ป้ายที่ 16 ฝั่ง South Wing)
ช่วงเวลาให้บริการ 7:15 - 22:50
◼ Terminal 2 (ป้ายที่ 25 ฝั่ง North Gate)
ช่วงเวลาให้บริการ 7:45 - 23:05
จากโรงแรมไปสนามบิน
ช่วงเวลาให้บริการ 5:00 - 22:30
รถจะไม่จอดที่เทอร์มินอล 3 นะคะ แต่สามารถขึ้นลงรถที่เทอร์มินอล 2 ได้ค่ะ อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ เดินถึงกันได้ค่ะ
รถจะออกจากสนามบินทุก 25 นาที - 1.40 ชม. แล้วแต่ช่วงเวลาค่ะ ช่วงเช้าหรือเที่ยงๆ ก็จะห่างหน่อย หลังบ่ายสามเป็นต้นไปจะถี่หน่อย คือจะออกทุกครึ่งชั่วโมง ส่วนรถที่ออกจากโรงแรมจะออกทุกครึ่งชั่วโมงค่ะ
มาถึงโรงแรมก็ไปเช็คอินค่ะ เราจองห้องมาจาก Booking.com เหมือนเดิม ห้องดีลักซ์เตียงแฝด ปีกตะวันตก สำหรับ 2 คน 1 คืน ราคา 8,424 เยน (นี่คือราคาห้องเตียงแฝดที่ถูกที่สุดในตอนนั้นนะคะ)
เช็คอินเสร็จก็เดินออกไปเลย และเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้จ่ายตังค์ เลยเดินย้อนกลับไปถามเขา พนักงานก็บอกว่าให้จ่ายตอนเช็คเอาท์ ที่ผ่านๆ มา จะเจอแต่แบบจ่ายก่อนพักตลอด เพิ่งจะเจอแบบจ่ายหลังเข้าพักนี่แหละค่ะ แต่ดูจากลักษณะโรงแรมแล้วก็ไม่น่าแปลกใจนักหรอกค่ะ ถึงจะดูเก่าแก่ แต่ก็ดูเหนือกว่าที่คามะตะอีกระดับนึงเลย ที่ Sotetsu Kamata นี่เราก็ว่าหรูหราสะดวกสบายระดับนึงแล้วนะ ระดับที่เราพอใจและแฮปปี้สุดๆ เลยด้วยซ้ำ
พอขึ้นไปถึงชั้นที่เราพัก ก็พบว่าห้องอยู่ไกลจากลิฟท์มากกกกกก เป็นห้องเกือบสุดท้ายของปีก เป็นโรงแรมที่ใหญ่มากจริงๆ ค่ะ
และพอเปิดประตูเข้ามาในห้อง ก็พบว่าเป็นโรงแรมที่ใหญ่มากจริงๆ ค่ะ สำหรับประเทศไทย นี่คือไซส์ปกติ แต่สำหรับญี่ปุ่น ห้องขนาดนี้ถือว่ากว้างมากกกกกกค่ะ ปกติกางกระเป๋าได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว ( ̄∇ ̄;)
เปิดประตูเข้ามา
ฝั่งซ้ายเป็นตู้เสื้อผ้าบานเลื่อนพร้อมกระจกเงา
มีไม้แขวนเสื้อและอุปกรณ์ดูแลรองเท้าให้
ฝั่งขวาเป็นห้องน้ำ
ชักโครกแบบบิเดต์ (bidet) ผ้าขนหนูอยู่บนชั้นวางข้างบน
ก๊อกน้ำที่นี่ทั้งที่อ่างล้างหน้าและที่อ่างอาบน้ำและฝักบัวเป็นแบบเก่านะคะ คือต้องเปิดน้ำร้อนผสมน้ำเย็นเพื่อให้ได้อุณหภูมิที่พอเหมาะน่ะค่ะ เปิดทีก็ตบตีกับมันที เหนื่อย (-_-;)
ของใช้ในห้องน้ำ หวี เซ็ตแปรงสีฟันกับยาสีฟัน เซ็ตมีดโกนพร้อมเจลโกนหนวด หมวกคลุมผม สบู่เหลวล้างมือในขวดปั๊ม และแก้วน้ำพลาสติก 2 ใบ
แชมพู ครีมนวดผม และสบู่ ของที่นี่เป็นเครื่องกดแบบนี้เลยค่ะ ไม่ได้มาเป็นขวดๆ แบบที่เคยเห็น และอ่างอาบน้ำของที่นี่ก็กว้างใหญ่กว่าที่อื่นๆ ด้วยค่ะ
ถัดจากตู้เสื้อผ้า เป็นชั้นวางของ เคาน์เตอร์ ตู้เย็นเล็กซ่อนอยู่ในตู้ใต้เคาน์เตอร์ มีแก้วน้ำ ถ้วยกาแฟ กระติกน้ำร้อน กระติกน้ำแข็ง และชากาแฟสำเร็จรูปเตรียมไว้ให้
มีราวตากผ้าให้ด้วย
ที่โต๊ะตรงทีวีจะมีเมนูอาหารอยู่ค่ะ สามารถสั่งมากินที่ห้องได้ จริงๆ ก็ไม่อยากสั่งหรอกค่ะ อาหารโรงแรมแพงจะตาย ยิ่งโรงแรมระดับนี้อีก แต่ด้วยความรีบ เลยไม่ได้เตรียมเสบียงไว้เลยน่ะสิคะ แถวนี้ก็ดูไม่น่าจะมีร้านสะดวกซื้อด้วย เลยจำต้องสั่งค่ะ ดีนะที่เงินเหลือ
ก็โทรไปสั่งค่ะ คุยเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ นะคะ แล้วสกิลนี่ก็ง่อยเหลือเกิน บอกเขาว่าโทรมาจากห้องไหน สั่งอาหารไป เดี๋ยวเขาก็มาเสิร์ฟให้ที่ห้องค่ะ
ตอนที่อาหารมาเสิร์ฟ พนักงานจะกดออดที่หน้าห้อง เราก็รับอาหารมา แล้วก็เซ็นรับ ลงบัญชีไว้ก่อน ค่อยเช็คบิลทีเดียวพร้อมค่าที่พักตอนเช็คเอาท์
เราสั่งแฮมเบิร์ก สลัด และข้าวมาค่ะ สามารถเลือกน้ำสลัดได้ เราเลือกเป็นเฟรนช์ เพราะไม่เคยกิน และพบว่าไม่ถูกปากเท่าไหร่ค่ะ เหมือนเป็นน้ำมันผสมกับน้ำส้มสายชูอะ
เราสั่งแฮมเบิร์ก สลัด และข้าวมาค่ะ สามารถเลือกน้ำสลัดได้ เราเลือกเป็นเฟรนช์ เพราะไม่เคยกิน และพบว่าไม่ถูกปากเท่าไหร่ค่ะ เหมือนเป็นน้ำมันผสมกับน้ำส้มสายชูอะ
ทั้งชุดนี้ 2,775 เยนค่ะ บวกค่ารูมเซอร์วิสอีก 302 เยน รวมเป็น 3,077 เยน โฮกกกกกก ดีนะที่เงินเหลือ (T๐T)
ตัวแพงก็คือแฮมเบิร์กนี่หละค่ะ หลักพันแน่ๆ ข้าวกับสลัดน่าจะอยู่ในช่วง 400 - 800 เยนต่อเมนู แฮมเบิร์กเค้าก็สวยงามและอร่อยดีนะคะ บวกข้าวกับสลัดเข้าไปก็อิ่มพอดีค่ะ
ตัวแพงก็คือแฮมเบิร์กนี่หละค่ะ หลักพันแน่ๆ ข้าวกับสลัดน่าจะอยู่ในช่วง 400 - 800 เยนต่อเมนู แฮมเบิร์กเค้าก็สวยงามและอร่อยดีนะคะ บวกข้าวกับสลัดเข้าไปก็อิ่มพอดีค่ะ
กินเสร็จก็เก็บไปวางรวมๆ ไว้ตรงเคาน์เตอร์ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาก็มาเก็บตอนทำความสะอาดห้อง ดีนะกลิ่นไม่แรง ผ่านไปคืนนึงก็ไม่มีกลิ่นเน่าอะไรด้วย หรือเพราะเราเป็นคนกินคลีน ( ̄▽ ̄)
ตรงโต๊ะที่คั่นระหว่างเตียงจะมีนาฬิกาปลุก (ที่ดูไม่น่าจะใช้ได้แล้ว) และมีอะไรให้ฟังเล่นๆ ด้วย ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเป็นปุ่มหมายเลขค่ะ ก็ลองกดเล่นๆ ไป เหมือนจะมีวิทยุ และมีเลขไหนสักเลขเป็นเพลงของค่าย LDH ค่ะ ตอนแรกนึกว่าเป็นวิทยุ แต่เปิดเต็มเพลง น็อนสต็อป และไม่มีอะไรแทรก และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือมันเป็นเพลง LDH ล้วนๆ ค่ะ มีทั้งเก่าทั้งใหม่ เหมือนยกฐานข้อมูลเพลงของ LDH มาไว้ที่นี่เลยค่ะ บางเพลงเราไม่เคยได้ยินเลยด้วยซ้ำ คงเป็นเพลงตั้งแต่สมัยก่อนที่เราจะมาตามค่ายนี้ ตอนนั้นซิงเกิ้ล Unfair World ของ Sandaime J Soul Brothers กำลังจะวางแผงในอีก 2 วันข้างหน้า แต่ที่นี่มีแล้วค่ะ เลือกเพลงไม่ได้นะคะ มันจะสุ่มวนของมันเอง และจะเล่นต่อไปเรื่อยๆ การปิดก็เหมือนเป็นแค่การปิดเสียงเท่านั้นค่ะ ในห้องน้ำก็มีลำโพงด้วย การได้ฟังเพลงของศิลปินที่ชื่นชอบไปพร้อมๆ กับแช่น้ำร้อนนี่เป็นอะไรที่ฟินสุดๆ ไปเลยค่ะ
ไปขุดข้อมูลโรงแรมมา เป็นของเครือโทบุ ที่เกี่ยวข้องกับ Tokyo Skytree ค่ะ ช่วงนั้นอีเวนท์ Samantha ของโอมิริวกันมักจะจัดที่สกายทรี แถมที่สกายทรียังเคยประดับไฟโปรโมทซังไดเมะอีกด้วย ถ้าไม่ใช่ว่าเป็นหุ้นส่วนกัน ก็คงมีสัญญาอะไรสักอย่างกันอยู่อะค่ะ แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าสัญญานั้นหมดอายุไปแล้วหรือยัง และเพลงพวกนั้นยังมีอยู่หรือไม่นะคะ
ตอนเช้าก็เก็บของ เช็คเอาท์ แล้วจ่ายค่าที่พักพร้อมค่าอาหารและค่าบริการรูมเซอร์วิสค่ะ
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เล่าเรื่องโง่ๆ ของเราซะหน่อยดีกว่า จริงๆ ตอนสั่งอาหารน่ะ ด้วยความรู้ภาษาอังกฤษง่อยๆ ของเรา ทำให้เกิดการสื่อสารผิดพลาด กลายเป็นว่าเราสั่งแฮมเบิร์กมา 2 ที่ค่ะ แล้วเป็นเมนูที่แพงที่สุดที่เราสั่งมาด้วย หน้าซีดเลยค่ะ ถึงเงินจะพอจ่าย แต่ก็ไม่อยากจ่ายอะค่ะ ตอนพนักงานเอามาเสิร์ฟ เราก็ขอโทษเขา และบอกไปว่าเราสั่งผิด แต่พนักงานบอกว่าแคนเซิลไม่ได้แล้ว เพราะของทำมาแล้ว เราก็โอเคค่ะ ก็เข้าใจว่าเราผิดเอง ก็เซ็นรับอาหารไป เราบอกเขาว่าเราจ่ายได้ (ป๋ามาก (T∇T)) แต่ขอให้เขาเอาแฮมเบิร์กที่เราสั่งมาเกินกลับไป เพราะเรากินไม่ไหวจริงๆ เขาก็เอากลับไปนะคะ จากนั้นก็ภาวนาขอให้เขาเอาแฮมเบิร์กนั่นไปเสิร์ฟให้คนอื่นที่บังเอิญสั่งเมนูนี้พอดี หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่มันไม่เสียของ และเราไม่ต้องจ่ายตังค์อ่ะค่ะ
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เล่าเรื่องโง่ๆ ของเราซะหน่อยดีกว่า จริงๆ ตอนสั่งอาหารน่ะ ด้วยความรู้ภาษาอังกฤษง่อยๆ ของเรา ทำให้เกิดการสื่อสารผิดพลาด กลายเป็นว่าเราสั่งแฮมเบิร์กมา 2 ที่ค่ะ แล้วเป็นเมนูที่แพงที่สุดที่เราสั่งมาด้วย หน้าซีดเลยค่ะ ถึงเงินจะพอจ่าย แต่ก็ไม่อยากจ่ายอะค่ะ ตอนพนักงานเอามาเสิร์ฟ เราก็ขอโทษเขา และบอกไปว่าเราสั่งผิด แต่พนักงานบอกว่าแคนเซิลไม่ได้แล้ว เพราะของทำมาแล้ว เราก็โอเคค่ะ ก็เข้าใจว่าเราผิดเอง ก็เซ็นรับอาหารไป เราบอกเขาว่าเราจ่ายได้ (ป๋ามาก (T∇T)) แต่ขอให้เขาเอาแฮมเบิร์กที่เราสั่งมาเกินกลับไป เพราะเรากินไม่ไหวจริงๆ เขาก็เอากลับไปนะคะ จากนั้นก็ภาวนาขอให้เขาเอาแฮมเบิร์กนั่นไปเสิร์ฟให้คนอื่นที่บังเอิญสั่งเมนูนี้พอดี หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่มันไม่เสียของ และเราไม่ต้องจ่ายตังค์อ่ะค่ะ
และพอถึงเวลาจ่ายเงินจริง พบว่า เขาคิดเงินเราเท่าของที่เรารับไว้ค่ะ คือไม่ได้คิดค่าแฮมเบิร์กที่เราสั่งเกินมาและคืนเขาไป เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแฮมเบิร์กจานนั้น แต่ก็ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
เช็คเอาท์และจ่ายเงินเรียบร้อยก็วิ่งไปขึ้นรถค่ะ ทันแบบฉิวเฉียดเลย ตอนเช็คอินเขาจะถามว่าจะไปรถรอบไหน และเราเลือกเป็นรอบ 7 โมง คิดว่าเขาคงจองที่ไว้ให้น่ะค่ะ และรถก็ออกตรงเวลามาก คนขับถึงกับชี้นาฬิกาให้เห็นว่า ออกตรงเวลา ด้วยซ้ำ
สำหรับที่นี่ เราประทับใจมากค่ะ บริการดี ห้องกว้างขวาง อยู่สบาย ในราคาที่หาไม่ได้ในโตเกียว (หรือหาไม่เจอเองก็ไม่รู้) มีรถรับ-ส่งสนามบินบริการฟรี และปลื้มเข้าไปอีกเมื่อมีเพลง LDH ให้ฟังในห้องด้วย เป็นที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนในกรณีที่มาถึงดึกหรือมีบินไฟลท์เช้าจริงๆ ค่ะ (แต่ถ้ามาถึงหลังรถรับ-ส่งหมดแล้ว ก็ไม่รู้นะคะว่าจะเป็นยังไง)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น