ไปสุวรรณภูมิยังไง?
แน่นอนว่าแท็กซี่ค่ะ รถไฟฟ้าเปิด 6 โมง
บอร์ดเจ็ดครึ่ง ไม่ทันแน่ๆ คืนก่อนเดินทางเลยไปนอนบ้านเพื่อน
ตอนเช้าก็ใช้บริการ Grab Taxi และก็ได้สัมผัสกับความสะพรึงค่ะ
คือคนขับก็สุภาพดีแหละค่ะ แต่ดูหลุกหลิกๆ ชอบกล แล้วขับรถน่ากลัวมากกกก ขับเบียดรถบัสงี้ เอาจริงๆ นี่กลัวรถคว่ำมากกว่าเครื่องบินตกอีกค่ะ แล้วมันมีตอนที่ผ่านด่านตรวจของตำรวจ เพื่อนบอกว่าเขาดูระแวงแปลกๆด้วย และเราก็ลงความเห็นกันว่า คนขับเหมือนอัพยามา
และแล้วเราก็ไปถึงสนามบินโดยปลอดภัย วิวสุวรรณภูมิยามค่ำคืนจากทางยกระดับเข้าสนามบินงดงามมากค่ะ ดูระยิบระยับเรืองรองไปด้วยแสงไฟ แต่ดูไกลๆ พอนะ หึๆๆ
เพราะเรามาถึงแต่เช้า น่าจะประมาณตี 5 แถวอะไรๆเลยยังไม่ยาวนัก เลยผ่านไปได้สบายๆไม่ต้องรอนาน มาถึงก็เจอเรื่องให้เครียดเลยค่ะ มันจะมีบอร์ดบอกไฟลท์กับเคาน์เตอร์เช็คอินอยู่ใช่มั้ยคะ เราคงมาเร็วไป ไฟลท์ที่เราจะบินเลยยังไม่ขึ้นค่ะ ต้องรอประมาณ 10 - 20 นาที นี่เสียวแว้บเลย นึกว่าโดนแคนเซิลไม่รู้เรื่อง ฮ่าๆๆ
ต่อมาเป็นด่านขาออก
ตรวจเข้มกว่าที่เคยเจอมา ปกติบินแต่ในประเทศ อยู่แค่ดอนเมือง กระเป๋า
เสื้อคลุม คอมฯ มือถือ ต้องเอาใส่ตะกร้าเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์(?)
แต่พอเป็นที่นี่ ต้องถอดเข็มขัดกับรองเท้าใส่ตะกร้าเข้าเครื่องด้วยนะคะ
และตะกร้าใส่รองเท้าจะเป็นสีน้ำเงิน วางอยู่ที่พื้น
ส่วนตะกร้าใส่ของทั่วไปจะเป็นสีเขียว วางอยู่ข้างสายพาน
ด่าน ตม. ขาออก ตอนเช็คอินเขาจะให้ใบ ตม. มา ให้เขียนให้เรียบร้อย แล้วมายื่นตรงนี้ เคาน์เตอร์สำหรับพาสปอร์ตไทยกับต่างชาติจะแยกกัน ตรงนี้จะต้องถ่ายรูปและสแกนลายนิ้วมือบันทึกไว้เป็นหลักฐานด้วย ช่องของพาสปอร์ตไทยจะใช้เครื่องตรวจพาสปอร์ตอัตโนมัตินะคะ ซึ่งเคยมีประเด็นดราม่าเครื่องทำพาสพังและหาคนรับผิดชอบไม่ได้มาแล้ว นี่อยากไปช่องต่างชาติที่ใช้คนตรวจ แต่กลัวเขาว่า พอได้มาคุยกับเพื่อนที่ทำงานสนามบินหลังจากนั้น เขาบอกมาว่าช่องพาสต่างชาติ ถือพาสไทยก็เข้าได้ โอเคค่ะ ถ้ามีครั้งหน้าค่อยว่ากันอีกทีละกันนะ
ตรงด่านขาออกนี้ เขาจะเก็บไปเฉพาะใบ ตม.
ขาออกนะคะ และจะฉีกใบขาเข้าคืนให้เราเก็บไว้ เก็บให้ดีนะคะ
เพราะเราจะต้องใช้ใบนี้ตอนกลับเข้าประเทศ
แต่ถ้าหายก็ขอใหม่บนเครื่องตอนขากลับได้ค่ะ แอร์ไม่ว่าอะไรหรอก
แต่อาจจะงงๆหน่อย แบบว่าคุณมีแล้วไม่ใช่หรอ
ผ่านพิธีการขาออกเรียบร้อย พร้อมออกเดินทาง รู้สึกโล่งอกเหมือนสอบมิดเทอมเสร็จเลยค่ะ เดี๋ยวไปลุ้นไฟนอลกันอีกทีตอนเข้าญี่ปุ่นค่ะ
ขึ้นเครื่อง
เราขึ้นที่ Gate F2A ซึ่งเป็น Bus Gate
คือต้องนั่งรถบัสไปขึ้นเครื่องที่ลานจอดค่ะ บรรยากาศเริ่ดมากกกก
สนามบินกว้างๆ มีหมอกจางๆ กระจกรถเป็นฝ้านิดๆ และมีหยดน้ำเกาะ
แอร์ในรถเย็นมากกกก เหมือนส่งเราไปญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว
ผู้โดยสารบนเครื่องเกือบทั้งหมดเป็นคนญี่ปุ่น
ไม่รู้เพราะไปลงนาโกย่ารึเปล่า เหมือนมันไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวของคนไทยน่ะค่ะ
เครื่องที่เราขึ้นเป็น Boeing 787 Dreamliner เลือกที่นั่งข้างหน้าต่างไป ที่ประทับใจคงเป็นม่านบังแดดของหน้าต่างค่ะ
ปกติจะเป็นระบบดึงแผ่นพลาสติกสีขาวทึบลงมาปิด แต่ของรุ่นนี้จะเป็นปุ่มกด
กดแล้วรอสักพักหน้าต่างจะเป็นสีฟ้าๆ ปรับระดับแสงได้ตามต้องการเลยค่ะ
คือต่อให้ทึบ ให้กั้นแสงยังไง เราก็ยังเห็นวิวข้างนอกอยู่ค่ะ
และเพราะเป็นสายการบิน Full Service เลยมีหมอนกับผ้าห่มให้
หมอนจะมีวางไว้ให้บนที่นั่งอยู่แล้วค่ะ ส่วนผ้าห่ม ลูกเรือจะเดินถามว่ารับผ้าห่มมั้ย
ขึ้นเครื่องมาสักพัก ลูกเรือจะแจกผ้าร้อน
ซึ่งร้อนมาก และเย็นไวมาก บทจะเย็นก็เย็นเจี๊ยบเลย มีน้ำเสิร์ฟตลอด
สามารถเลือกได้ระหว่างน้ำเปล่า น้ำส้ม และน้ำชา
หรือจะเลือกเป็นชา/กาแฟร้อนก็ได้ค่ะ สักพักก็เสิร์ฟอาหารเช้า
มีให้เลือกระหว่าง เส้นอุด้งผัด กับ ออมเล็ต
เราเลือกออมเล็ตไป ส่วนเพื่อนเลือกอุด้งผัดค่ะ มีผลไม้สด โยเกิร์ต
และขนมปังพร้อมเนยกับแยมให้
ขนมปังมีให้เลือกระหว่างครัวซองต์กับขนมปังก้อนกลมค่ะ
เราว่าของเขาก็อร่อยดีทีเดียวนะคะ
สำหรับเราที่อาจจะกินน้อยกว่าคนปกติ (รึเปล่า? ก็กินพอดีตัวแหละ)
และไม่คุ้นเคยกับอาหารเช้า มันอิ่มมากกกก อิ่มยาวเลย
ตอนใกล้แลนดิ้งมีแซนด์วิชให้
เหมือนจะเป็นไส้สลัดปูอัดกับเซเลอรี่ค่ะ (ขึ้นฉ่ายฝรั่ง) เราเก็บไว้กินเป็นมื้อเช้าของวันถัดไป รสชาติก็โอเคค่ะ
แต่เรารู้สึกถึงเซเลอรี่มากกว่าปูอัดง่ะ - -"
ความบันเทิงบนเครื่อง
มีหนัง เพลง เกมส์ให้ อาจจะไม่ใหม่นัก
แต่ก็โอเคแหละค่ะ หนังเก่าๆ บางเรื่องอยากดูแต่ก็ยังไม่ได้ดูสักที
บางเรื่องก็อยากดูอีก หนังต่างประเทศมีแต่แบบพากย์ไทยกับเสียง original เลยนะคะ ไม่มีซับไทยให้ (หรืออาจจะมี
แต่ไม่ใช่เรื่องที่อยากดู เลยไม่เห็น) ส่วนหนังญี่ปุ่นจะมีซับอังกฤษให้ค่ะ
ทีวีส่วนตัว หน้าจอเป็นแบบทัชสกรีนค่ะ นี่ก็โง่ทะเลาะกับรีโมทอยู่ตั้งนาน
รีโมทสามารถแกะออกมาเป็นจอยเกมได้ด้วยนะคะ (อันนี้เพิ่งรู้ตอนขากลับ - -")
มีหน้าจอแสดงเส้นทางการบินให้ดูด้วย มีหูฟังให้ แต่เราใช้ของตัวเอง
แล้วก็...แอร์ไม่ได้แก่อะไรนะคะ แต่ก็ไม่ได้เอ๊าะเป็นเด็กจบใหม่ เห็นพวกมีอายุอยู่เหมือนกัน คิดว่าคงอยู่กับบิสหรือเฟิร์สตามที่เขาพูดกัน
หลังทานอาหารเสร็จ ลูกเรือจะเริ่มแจกใบ ตม. กับใบศุลกากรญี่ปุ่นค่ะ กรอกซะให้เรียบร้อย เพราะต้องใช้เข้าเมืองค่ะ
comment
เราว่าลูกเรือการบินไทยดูนิ่งไปหน่อยอะค่ะ
เหมือนทำตามหน้าที่เฉยๆ ดูแลตามหน้าที่
ยิ้มตามหน้าที่...อืม...จริงๆ ก็ไม่ค่อยยิ้ม เขาก็ทำดีตามหน้าที่แหละค่ะ
ก็ไม่ได้บกพร่องอะไร
ถึงจะบอกว่าหน้าที่หลักของลูกเรือคือดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสาร
การเสิร์ฟอาหารและบริการเป็นหน้าที่รองก็เหอะ แต่...อืม...ระดับนี้แล้วอะ Service
Mind มันสำคัญจริงๆ นะ เคยนั่งแต่ไฟลท์ในประเทศของค่าย Low cost ตัวแม่อย่าง Thai Air Asia ยังรู้สึกว่า Service Mind เขาดีกว่า พนักงานน่ารัก ยิ้มแย้ม ดูเต็มใจให้บริการมากกว่า ตั้งแต่กราวด์ไปจนถึงลูกเรือ
ขอเล่าเรื่องบ้าๆ ของเราหน่อยละกัน เราซุ่มซ่ามทำน้ำหกตอนลูกเรือเก็บถาดอาหารด้วยค่ะ แต่เขาก็ไม่ได้อะไรนะ เราก็ขอโทษเขาไป
แล้วเขาก็เอาผ้าห่มมาเปลี่ยนให้ใหม่ด้วยค่ะ เพราะผืนเดิมเปียกน้ำ
ถึงจะเปียกแค่นิดเดียวก็เหอะ
To be con.
ช่วงเม้าท์มอยคนญี่ปุ่น
เพื่อนเราเจอประสบการณ์แย่ๆ กับคนญี่ปุ่นตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเครื่องเลยค่ะ ตอนเข้าแถวรอบอร์ดอยู่ดีๆ
มีมนุษย์ลุงญี่ปุ่นกลุ่มนึงมาแซงนาง
แซงแบบไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของนางเลยค่ะ ก็อึ้งกันไป
ทุกที่มันก็มีทั้งคนดีและไม่ดีคละกันไปละนะ
แต่บังเอิญว่าคนอื่นเขาเจอแต่คนดีๆ ในขณะที่เราเจอคนไม่ดีไง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น