Arrival
และแล้วเราก็มาถึงสนามบินจุบุ (CHUBU) ณ นาโกย่ากันนะฮะ เป็นสนามบินริมน้ำ สวยดีทีเดียว ตอนแลนด์นี่แอบเสียวนิดๆ อย่างที่บอกไปตอนแรกว่ามันจะมี flight monitor ให้เราดูด้วย และพบว่าเครื่องบินต่ำมากจนแทบจะแตะน้ำอยู่แล้ว (ตอนลงที่นราธิวาสที่เป็นสนามบินริมทะเลเหมือนกันยังไม่ต่ำขนาดนี้) เหมือนพอเข้าเขตพื้นดินล้อก็แตะพื้นแทบจะทันที
อากาศวันนั้นเขาบอกว่ามีฝน แต่มาถึงแดดก็ออกแล้ว บรรยากาศดูร้อนๆเหมือนบ้านเรา แต่หนาวค่ะ ตอนเดินเข้างวง ด้วยความที่ไม่เคยมาเมืองหนาว ยังคิดกันอยู่เลยว่าเขาเปิดแอร์หรือเป็นเพราะอากาศข้างนอก
ตอนเข้า ตม. เรากับเพื่อนแยกกัน แล้วนี่เล่นเขียนอาชีพในใบขาเข้าว่า unemployed เลยโดนสอบไปบ้าง คุณเจ้าหน้าที่สาดภาษาญี่ปุ่นใส่ ฟังออกแค่คำว่า group tour เลยคิดว่าคงถามว่ามากับทัวร์รึเปล่า นี่ก็ตอบไปว่าเปล่า มากับเพื่อนแค่ 2 คน นางเข้าไปทางช่องนู้น (ชี้ไปช่องข้างๆ) และตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ (ตอบเป็นภาษาอังกฤษนะคะ) นางก็ยอมๆปล่อยไป จะบอกว่าเจ้าหน้าที่คนนี้เป็นชายหนุ่มหน้าตาดีทีเดียวหละค่ะ หุหุ
หนุ่มแซ่บคนที่สอง เจอตอนรับกระเป๋า เป็นหนุ่มน้อยหน้าใสคล้ายๆ รปภ. จูงน้องหมาบีเกิ้ลมาดมกระเป๋า คือบีเกิ้ลนี่ดูไร้ประโยชน์มากกกกก ภาระสุด ระริกระรี้ ออกนอกลู่นอกทางตลอด แต่มีคนบอกมาว่าบีเกิ้ลดมกลิ่นได้ดี ใช้ดมหาเงินหรือยาเสพติดได้หมด และด้วยรูปลักษณ์ที่น่ารัก และนิสัยที่เป็นมิตรนี่แหละมั้ง ทางสนามบินทั้งหลายเลยนิยมใช้พันธุ์นี้
ต่อไปเป็นด่านศุลกากร ก็เดินเข้าไปด้วยกัน จนท. เห็นใบศุลฯของเราก็ถามย้ำแล้วย้ำอีกว่ามาด้วยกันแน่หรอ เป็นเพื่อนกันจริงๆใช่มั้ย นี่ก็ทำหน้าแบ๊วปล่อยให้เพื่อนตอบไป เพราะเบลอจริงๆ
หลุดจากด่านทั้งหลายมาได้นี่เหมือนสอบไฟนอลผ่านเลยค่ะ อารมณ์แบบฉันรอดแล้ว ฉันเข้าประเทศเขาได้แล้ว ต่อไปคือเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ ก็ไม่มีอะไรมาก ยัดฮีทเทคแขนยาวตัวบางๆของยูนิโคล่เข้าไปตัวนึง (ตอนแรกใส่กางเกงเลกกิ้งฮีทเทค กับเสื้อทูนิคไหมพรมแขนสั้น ที่เป็นคอลเลคชั่น F/W ของยูนิโคล่ เพราะงั้นมันจะอุ่นประมาณนึง) และงัดโค้ทขนเป็ดออกมาเตรียมไว้ แล้วเราก็ไปซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมืองกันค่ะ
สถานีรถไฟเข้าเมืองนาโกย่าจะเชื่อมต่อกับสนามบินเลย ค่ารถไฟจากสนามบินไปสถานีนาโกย่าอยู่ที่ 870 เยน แต่ถ้าอยากนั่งรถเฟิร์สคลาสหรือมิวสกาย (μ-SKY) ต้องซื้อตั๋วที่นั่งเพิ่มอีก 360 เยน ซึ่งมิวจะเร็วกว่ารถธรรมดา อาจจะเพราะจอดน้อยสถานีกว่า และน่าจะนั่งสบายกว่าด้วย ที่นั่งรถธรรมดาก็น่าจะประมาณ BTS บ้านเราอะ คิดว่านะ ส่วนมิวจะเป็นที่นั่งคู่เหมือนรถเมล์ pitch กว้าง นั่งสบาย ไม่อึดอัด มีที่วางกระเป๋าหัว-ท้ายตู้ ตั๋วมิวไม่แน่ใจว่าซื้อที่ไหนนะคะ เพราะเรากดตู้ได้มาแต่ตั๋วที่นั่ง เดินไปถาม จนท. เขาบอกให้ไปซื้อตั๋วรถที่เคาน์เตอร์ เลยไม่รู้ว่ากดตู้ได้รึเปล่า หรืออาจจะต้องกดตั๋วรถธรรมดาจากตู้ แล้วค่อยกดตั๋วมิวอีกที
ใบล่างเป็นตั๋วที่นั่งของ μ-SKY ที่กดมาจากตู้ ใบบนเป็นตั๋วรถไฟที่ไปซื้อที่เคาน์เตอร์
ตอนผ่านเครื่องตรวจตั๋วให้เอาตั๋วซ้อนกัน หงายหน้าตั๋วขึ้น แล้วใส่เข้าไปเลยค่ะ มันตรวจพร้อมกันได้ พอตรวจแล้ว
ตั๋วจะโดนเจาะรูอย่างที่เห็น
ที่นั่งมิวกว้างขวาง วางกระเป๋าไว้ข้างหน้ายังได้เลยค่ะ เราสูง 160 กว่าๆนะ
เหนือประตูทางออกมีจอบอกรายละเอียด ประมาณว่าถึงไหนแล้ว และสถานีต่อไปคือที่ไหน ระหว่างที่รถวิ่งจะโชว์ภาพจากหน้ารถให้ดูด้วยค่ะ
ระหว่างนั่งรถไฟก็ได้เห็นวิวเมืองนาโกย่า
ก็ไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจหรอกค่ะ ก็เป็นเมือง เป็นบ้านคนธรรมดาๆ
แต่รูปร่างหน้าตาของบ้านอาจจะดูแปลกตาไปบ้างเพราะสภาพความเป็นอยู่ที่แตกต่างจากเราก็เท่านั้นเอง ก็ถือว่าได้เปิดหูเปิดตาละเนาะ
ประมาณ 30 นาทีก็ถึงสถานีนาโกย่า ประสบการณ์แรกกับสถานีรถไฟใหญ่ๆที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคม บอกเลยว่างงมากกกกกกกก มีป้ายก็ยังงง ลากกระเป๋าขึ้นบันไดเลื่อนแคบๆที่ยืนได้แค่คนเดียว แต่คนบางคนก็ยังพยายามจะเดินแทรกขึ้นไป คนก็เยอะ กว่าจะหลุดออกไปได้ก็ใช้เวลาไปพักนึง
อันนี้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับรถจากสนามบินเข้านาโกย่านะคะ เผื่อใครสนใจ
ประมาณ 30 นาทีก็ถึงสถานีนาโกย่า ประสบการณ์แรกกับสถานีรถไฟใหญ่ๆที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคม บอกเลยว่างงมากกกกกกกก มีป้ายก็ยังงง ลากกระเป๋าขึ้นบันไดเลื่อนแคบๆที่ยืนได้แค่คนเดียว แต่คนบางคนก็ยังพยายามจะเดินแทรกขึ้นไป คนก็เยอะ กว่าจะหลุดออกไปได้ก็ใช้เวลาไปพักนึง
อันนี้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับรถจากสนามบินเข้านาโกย่านะคะ เผื่อใครสนใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น