วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Japan 1st Time part 4.2 : Train to Tokyo (from Takayama)

หลังจากเดินเล่นหาอาหารเช้ากินที่ตลาดกันแล้ว เราก็กลับไปเก็บของ เช็คเอาท์ เพื่อออกเดินทางต่อไปยังโตเกียวค่ะ


เราจองรถบัสไปโตเกียวรอบ 10.20 จากเว็บ Highway-buses ไว้ ตั๋วเที่ยวเดียวจากทาคายาม่าไปชินจูกุ ราคา 6,690 เยน เป็นการจองเฉยๆ ยังไม่ได้จ่ายเงิน เมื่อกดจอง ทางเว็บจะส่งเมล์ยืนยันการจองมาให้ เราต้องปริ๊นท์ใบจองและนำไปยื่นให้เคาน์เตอร์ที่ท่ารถ และจ่ายเงิน เพื่อทำการออกตั๋ว ก่อนเวลารถออกอย่างน้อย 1 ชั่วโมง

แต่.......ไม่ทันค่ะ orz
ด้วยความเหนื่อย ทำให้เราตื่นสาย ตลาดเช้าก็น่าสนใจเกินกว่าที่จะทำให้เรารีบเดินรีบกลับ แถมเรายังเจ็บขาอีก เลยทำให้เราไปไม่ทันรถค่ะ น่าจะช้าไป 5 นาทีได้มั้ง โชคดีที่ยังไม่ได้จ่ายเงินและออกตั๋ว โชคร้ายคือรถรอบอื่นๆเต็มหมดแล้ว เลยถามพนักงานว่ามีวิธีอื่นที่จะไปโตเกียวอีกมั้ย นางเลยบอกให้ไปขึ้นรถไฟค่ะ

โชคดีที่สถานีรถไฟอยู่ติดกับท่ารถ การเดินทางโดยรถไฟไปโตเกียว ต้องนั่งรถอย่างน้อย 2 ต่อ และมีราคาแพงกว่ารถบัส เพราะต้องขึ้นทั้งรถ Limited Express ทั้งชิงกันเซ็น ทีนี้เลยได้ลองขึ้นชิงกันเซ็นสมใจอยากเลยค่ะ






จากทาคายาม่า เราต้องนั่งรถย้อนกลับไปนาโกย่าก่อน ด้วยรถไฟ Limited Express สายฮิดะ (Hida) ค่ารถ 3,350 เยน ค่าจองที่นั่ง 2,680 เยน รวมเป็น 6,030 เยน ต่อให้ไม่จองที่นั่งก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่นั่งอยู่ดีนะคะ เพียงแต่จะเสียถูกกว่าหน่อยเท่านั้นเอง

 บนรถมีตู้ขายเครื่องดื่มหยอดเหรียญให้ด้วย


เนื่องจากเป็นรถแบบ Wide View เพราะฉะนั้น วิวข้างทางจึงเป็นอะไรที่เลอค่ามากค่ะ ถ้าเลือกที่นั่งข้างหน้าต่างได้ก็เลือกไปเลยอย่าได้ลังเล แต่ถ้าคุณไม่สนใจวิวใดๆทั้งสิ้น ก็ยกที่ข้างหน้าต่างให้คนที่อยากดูไปเหอะค่ะ จากใจคนที่ชอบดูวิว แต่ไม่ได้นั่งข้างหน้าต่าง ในขณะที่คนที่ได้นั่งข้างหน้าต่างกลับปิดม่านดูหนังในไอแพด

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที ก็มาถึงสถานีนาโกย่า เราตรงดิ่งไปซื้อตั๋วชิงกันเซ็นที่เคาน์เตอร์ จากเวลาที่เรามาถึง และเวลาที่เสียไปในการซื้อตั๋ว เหมาะแก่การขึ้นฮิคาริพอดี ซึ่งค่ารถจะถูกกว่าขบวนโนโซมิ และเร็วกว่าขบวนโคดามะ ใครมี JR Pass ไม่สามารถใช้กับโนโซมิได้นะคะ ใช้ได้เฉพาะฮิคาริกับโคดามะเท่านั้น อย่าเผลอไปขึ้นโนโซมิเข้าหละ ถ้าโดนจับได้ขึ้นมาต้องจ่ายราคาเต็มนะคะ ซึ่งไม่ใช่เล่นๆเลย

ตั๋วชิงกันเซ็นขบวนฮิคาริ ตั๋วรถราคา 6,260 เยน ตั๋วที่นั่งแบบจอง 4,620 เยน (แบบไม่จองจะถูกกว่านิดหน่อย) รวมเป็น 10,880 เยน

หน้าต่างรถคล้ายหน้าต่างเครื่องบินเลยค่ะ


ที่นั่งจัดเป็นแบบ 3-2

บนรถมีอาหารและเครื่องดื่มขายด้วย พนักงานแต่งตัวเหมือนแอร์โฮสเตสเลย แต่เราไม่ได้ซื้อ เพราะเรามีเสบียงติดมาค่ะ นั่นก็คือ......






สตรอว์เบอร์รี่จากโอสึนั่นเอง เฮ้~! กี่วันแล้วเอ่ย ดีนะไม่กลายเป็นแยมไปซะก่อน ยังอร่อยอยู่ค่ะ ถึงจะนิ่มๆหน่อยแล้วก็เหอะ หวานนุ่มชุ่มน้ำ ไม่เปรี้ยวเลย แพ็คนี้เป็นแบบลูกใหญ่ ราคาแพ็คละ 486 เยน (รวมภาษี) มีกี่ลูกไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว น่าจะประมาณ 7 - 10 ลูก



แล้วก็แอปเปิ้ลจากตลาดเช้าที่ทาคายาม่า ลูกเท่าไหร่ไม่รู้ เพื่อนซื้อมา เราชิมไปคำนึง หวานฉ่ำดีอีกเช่นกัน

นั่งไปได้สักพัก หันไปมองทางซ้ายมือ เห็นภูเขาอะไรสักอย่าง หน้าตาคุ้นๆ ภูเขาแบบนี้มันจะมีสักกี่ลูกกันน้าาา~ สักพักเริ่มเห็นคนที่นั่งติดหน้าต่างฝั่งซ้ายเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูป เลยสะกิดเพื่อน สรุปว่าเป็นฟูจิซังจ้าาาา คือโชคดีมาก ไม่คิดว่าจะได้เห็น เรานั่งอยู่ฝั่งขวา ไม่ติดหน้าต่าง เลยลุกไปถ่ายรูปกันตรงหน้าต่างช่วงรอยต่อขบวน



อะ ซูมเข้าไปอีก


ประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที เราก็มาถึงสถานีชินากาว่า ณ กรุงโตเกียว

เดินออกมาเช็คตั๋วขาออก เครื่องจะเก็บตั๋วที่นั่งไป และคืนตั๋วรถมาให้ สามารถใช้ขึ้นรถไฟเข้าเมืองได้ สายไหนไม่มีตู้กดตั๋วคือฟรีค่ะ ใช้ตั๋วชิงกันเซ็นได้เลย เราพักกันแถวคามาตะ เลยได้ขึ้นสาย Keihin-Tohoku ฟรีเลย

ตอนแรกเราไม่รู้เรื่องนี้ เดินวนไปวนมาอยู่ตั้งนาน เพราะหาตู้ขายตั๋วไม่เจอ สุดท้ายเลยไปถามเจ้าหน้าที่ เขาบอกให้ใช้ตั๋วชิงกันเซ็นได้เลย ส่วนตั๋วเพื่อนที่โดนเครื่องกินไป เขาก็เอามาคืนได้ด้วยแหละ เหมือนเตรียมไว้แล้ว คงรู้ว่าต้องมาเอาคืน

 พอผ่านเข้าช่อง Transfer ก็จะได้ตราปั๊มแดงๆเพิ่มมาอีกบรรทัดนึง
บรรทัดแรก ยืนยันว่าเราเข้าระบบที่นาโกย่าตอน 14:20
บรรทัดที่ 2 ยืนยันว่าเราเข้าระบบที่ชินากาว่าตอน 16:08

 รถไฟมาแล้ววววว สาย Keihin-Tohoku จะเป็นสีฟ้า และจะทับกับสาย Yamanote ตั้งแต่ Shinagawa ไปจนถึง Tabata


อากาศที่โตเกียวไม่หนาวเท่าไหร่ แต่ลมแรงมาก แรงเหมือนจะหอบเราไปด้วย และลมแรงๆนี่แหละ ที่ทำให้มันหนาวกว่าที่ควรจะเป็น

กว่าเราจะเข้าที่พักกันก็เย็นแล้ว เข้าไปก็นอนกลิ้งพักเหนื่อยกันอีก เลยไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย มื้อเย็นก็หากินเอาแถวๆนั้น ไปเจอ Coco Ichibanya เข้า เลยลองดู รสชาติต่างจากของไทยยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะไม่ค่อยได้กิน แต่ที่แน่ๆคือเค็ม และสิ่งที่ทำให้ร้านอาหารญี่ปุ่นดีกว่าไทยคือ น้ำเปล่าฟรี (ของไทยจะฟรีตามร้านข้างทาง เผลอๆบางร้านเก็บค่าน้ำแข็งด้วย)






TBC.



ช่วงเมาท์มอยคนญี่ปุ่น

(1) อย่างที่รู้ๆกัน ว่าคนญี่ปุ่นจริงจังกับการรักษาเวลามาก ตอนที่เราตกรถ เรารู้สึกได้เลยว่าพนักงานดูไม่พอใจ ถึงเราจะผิดจริงๆก็เหอะ

(2) คนญี่ปุ่นก็มีโมเมนท์เม้าท์มอยเสียงดังบนรถไฟเหมือนกันนะ เราเจอบนรถสายฮิดะ เป็นสาวๆ มากัน 3-4 คน คุยกันเสียงค่อนข้างดัง เล่นอะไรกันยุกยิกตลอด ไม่ต่างจากคนไทยเวลาไปไหนกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆเท่าไหร่อะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น