ร้านกดตู้คืออะไร?
ร้านกดตู้ก็คือร้านที่เราต้องกดซื้อคูปองอาหารที่ตู้ค่ะ ที่หน้าร้านจะมีตู้ขายคูปองอาหารอยู่ แนะนำให้เลือกเมนูอาหารให้ได้ก่อนเข้าไปซื้อที่ตู้นะคะ จะได้ไม่เสียเวลาคนอื่นที่เขาจะซื้อบ้าง ที่ตู้กระจกหน้าร้านจะมีรูปจำลองเมนูที่ขายตั้งโชว์ไว้อยู่แล้ว และข้างๆ ตู้คูปองก็มักจะมีเมนูแบบเป็นแผ่นๆ ไว้ให้ดูด้วย
พอเลือกได้ก็ไปที่ตู้ค่ะ ร้านที่ดีๆ หน่อย อยู่ในโซนท่องเที่ยว ก็จะมีเมนูภาษาอังกฤษและอื่นๆ ให้ด้วย อย่างที่ร้านนี้ก็จะมีเมนูภาษาไทยให้ด้วยค่ะ
วิธีกดส่วนใหญ่จะให้ใส่เงินเข้าไปก่อน แล้วเมนูที่สามารถซื้อได้ก็จะขึ้นมาให้เลือก (เมนูที่ราคาไม่เกินเงินที่ใส่ไปนั่นแหละค่ะ) เลือกเมนูแล้วกดซื้อ เครื่องก็จะออกคูปองมาให้ ถ้ามีทอน ให้กดปุ่มทอนเงิน (お釣り: Otsuri) แล้วเงินทอนก็จะออกมาค่ะ
พอได้คูปองแล้ว ก็เอาคูปองไปให้พนักงานและหาที่นั่ง ส่วนใหญ่พนักงานจะเป็นคนนำไปค่ะ พนักงานจะฉีกคูปองส่วนของเขาไป แล้วเอาน้ำชาฟรีมาให้ เดี๋ยวสักพักอาหารก็มาเสิร์ฟค่ะ
นี่คือเมนูที่เราสั่งวันแรกค่ะ เป็นเซ็ตแฮมเบิร์กสไตล์อเมริกัน ราคา 760 เยน
มีแฮมเบิร์กให้ 2 ชิ้น กับกุ้งชุบแป้งทอดอีก 1 ตัว สลัดชามใหญ่กว่าที่ไทย
ร้านแบบนี้สามารถเติมข้าวได้ไม่อั้นถ้าไม่อิ่มค่ะ
ส่วนนี่คือเมนูที่เราสั่งในวันที่ 2 ค่ะ เป็นเซ็ตคาราอาเกะ
ราคาน่าจะ 700 กว่าเยน ไม่แน่ใจว่าใช่ 780 รึเปล่า
ในเซ็ตมีเต้าหู้เย็นให้ด้วย
ส่วนผงๆ นั่น ไม่แน่ใจว่ากินยังไง แต่เราเอาไปโรยไก่อะค่ะ รสชาติประมาณผง "รสดี" บ้านเรา
ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกค่ะ ว่าที่นี่คือยาโยอิญี่ปุ่น จนกระทั่งเช็คอินนั่นแหละ แล้วมันขึ้นมาว่าเป็นยาโยอิ ตอนแรกก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน เพราะมันต่างกันเยอะมาก ที่เห็นได้ชัดก็รูปแบบร้านนี่แหละค่ะ แต่ก็ไม่เคยเห็นร้านกดตู้แบบนี้ในไทยเลยอะนะ บางทีอาจจะมีก็ได้ แต่ไม่แพร่หลาย
คอมเมนท์สำหรับร้านนี้ก็อย่างที่บอกไปข้างบนค่ะ อร่อย ให้เยอะ และราคาย่อมเยา
ขอโทษที่ไม่สามารถบอกพิกัดได้ค่ะ ตอนนั้นเดินไปมั่วๆ แล้วบังเอิญเจอ แล้วก็จำทางไปได้แค่วันสองวันนั้นแหละค่ะ แต่น่าจะอยู่แถวๆ สถานีรถไฟนัมบะและนัมบะพาร์คนะคะ
สำหรับโอซาก้าก็จบแค่นี้หละค่ะ พาร์ทต่อไปเราจะเข้าเมืองหลวงกันแล้วค่ะ (^_^)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น