วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559

Summer in Japan Part 5 : Go TOKYO / Sotetsu Fresa Inn Tokyo Kamata

และแล้วก็ได้เวลาบอกลาโอซาก้าเพื่อเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงค่ะ วันนี้เราก็ตื่นสายกันเหมือนเช่นเคย เริ่มออกเดินทางกันประมาณ 11 โมงได้


จากสถานีชินอิมามิยะที่พวกเราพักอยู่ ขึ้นรถไฟไปลงสถานีชินโอซาก้า เพื่อขึ้นชิงกันเซ็นไปโตเกียว ครั้งนี้เรามาเพื่อขึ้นชิงกันเซ็นกันโดยเฉพาะค่ะ เนื่องจากประทับใจจากครั้งที่แล้ว คราวนี้เลยถึงกับกันเงินไว้เพื่อขึ้นชิงกันเซ็นกันเลยทีเดียว เพราะเราไม่ได้ซื้อ JR Pass ด้วยรู้สึกว่ามันไม่คุ้ม จริงๆ รอบนี้อาจจะคุ้มก็ได้นะ แต่คือไม่ได้ซื้อไว้ไง T-T


รถไฟชิงกันเซ็นจากโอซาก้าไปโตเกียวยังคงเป็นสาย Tokaido เหมือนตอนไปจากนาโกย่าค่ะ เพียงแต่โอซาก้ามันจะอยู่ไกลออกมาอีก










เรายังคงเลือกขึ้นขบวนฮิคาริเหมือนเดิมค่ะ ด้วยเหตุผลที่ว่ามันถูกกว่าโนโซมิ และเร็วกว่าโคดามะ ค่าตั๋วรถ 8,750 เยน ค่าจองที่นั่ง 5,590 เยน (แบบไม่จองจะถูกกว่านิดหน่อย) รวมเป็น 14,340 เยน ตีเป็นเงินไทยได้ประมาณ 4 พันกว่าบาท (ค่าเงินตอนนั้นอยู่ที่ประมาณ 0.30) บ้ามาก บินโลว์คอสต์ยังถูกและเร็วกว่า แต่ประสบการณ์มันก็ต่างกันไง เครื่องบินน่ะ จะขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ชิงกันเซ็นน่ะ มันต้องมาขึ้นที่ญี่ปุ่นนะคุณ



จริงๆ ขึ้นจากโอซาก้าน่ะ ไม่ต้องจองที่นั่งก็ได้นะคะ ต้นทางซะขนาดนี้ แต่ตอนซื้อตั๋วไม่รู้ไง เลยคิดว่าจองไปดีกว่า อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่ามีที่นั่งแน่ๆ



สำหรับคนที่มี JR Pass สามารถขึ้นขบวนฮิคาริหรือโคดามะได้ฟรีเลยนะคะ จองที่นั่งก็ฟรีเช่นกัน แต่อย่าไปขึ้นโนโซมิเข้าหละ อันนั้นพาสไม่ครอบคลุมนะคะ เสียตังค์ค่ะ





ส่วนเสบียงบนรถครั้งนี้ก็คือ...



ทาร์ตไข่ลอร์ดสโตว์ค่ะ
แบบธรรมดา 6 ชิ้น 1,442 เยน


เป็นทาร์ตไข่ร้านดังจากมาเก๊า ดูเหมือนคนญี่ปุ่นจะชอบร้านนี้ เลยมีสาขาที่ญี่ปุ่นด้วย กล่องนี้เราซื้อมาจากแถวๆ นัมบะที่โอซาก้าค่ะ เดินมั่วๆไปแล้วบังเอิญเจอ ส่วนตัวไม่ค่อยชอบกลิ่นที่มันปล่อยออกมาเท่าไหร่ กลิ่นมันเหมือนซอสดังโงะ (บางเจ้า) ที่มันเหม็นๆ คาวๆ อะค่ะ แต่ตอนกินก็ไม่เป็นไรนะคะ ก็อร่อยดี ถึงเพื่อนเราจะบอกว่าหวานไปก็เหอะ สำหรับเราคงกินได้ไม่เกินครั้งละ 2 ชิ้นอะค่ะ พอเกินนั้นมันจะเลี่ยน จะรับไม่ไหวแล้ว แต่ครั้งนี้เราจำเป็นต้องอัดสามให้มันหมดๆไป หื้มมมม นึกว่าจะไม่รอดละ






วิวข้างทางค่ะ พวกกำแพงหรือที่กั้นอาจจะดูเอียงแปลกๆ หน่อย เพราะรถมันวิ่งเร็วค่ะ




ตรงนี้เหมือนจะจับโลเคชั่นได้แถวๆไมบาระค่ะ




หน้าร้อนญี่ปุ่นนี่สวยจริงๆค่ะ สีมันสดดีอะ แล้วเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การทำการเกษตร เพราะงั้นเลยได้เห็นทุ่งนาเขียวๆ กันอย่างงี้แหละค่ะ





ส่วนตรงนี้เหมือนจะเป็นแถวทารุอิ จ.กิฟุ
สวยมากกกก คือฝนมันตก แล้วเมฆก็ลอยต่ำกว่ายอดเขา บวกกับทุ่งนาเขียวๆ คือดีงาม

ครั้งนี้ไม่เห็นฟูจิซังเลยค่ะ เพราะไม่ทันสังเกตหรือเพราะนางซ่อนตัวอยู่ก็ไม่รู้ เพราะพอออกจากโซนเกียวโตมาก็เริ่มครึ้มๆ มีร่องรอยฝนตกบ้าง ยิ่งเข้าใกล้โตเกียวยิ่งเริ่มมีฝนค่ะ





ใกล้ถึงโตเกียวพนักงานบนรถก็มาเดินขายของกันอีกรอบ คนข้างๆเราซื้อไอติม เราเลยซื้อมั่ง มีให้เลือก 3 รสค่ะ วานิลลา ชาเขียว และพีช เราเลยเลือกรสพีชมา ราคา 330 เยน



ไอติมเป็นเบสนมค่ะ รสนมๆ พีชๆ กลิ่นพีชหอมน่ารักมาก (^..^)
ไอติมแข็งมากกกก แข็งระดับที่ทิ่มช้อนไม่ลง ต้องวางทิ้งไว้สักพัก กว่าจะเจาะเข้า รถไฟก็เริ่มเข้าเขตปริมณฑลของโตเกียวแล้วมั้ง สรุปกินไม่หมดค่ะ กินไม่ทัน เพราะเราต้องลงที่สถานีชินากาว่าที่อยู่ก่อนถึงสถานีโตเกียวเพื่อต่อรถไปสถานีคามาตะด้วยค่ะ




เข้าเขตโตเกียวนี่ครึ้มเชียวค่ะ ฝนตกด้วย สภาพคือต่างจากโอซาก้าที่แดดดี ท้องฟ้าแจ่มใส ราวคนละโลก มาถึงสถานีชินากาว่า ประตูรถไฟเปิดออก อากาศเย็นๆ เข้ามาในรถ หันมองหน้ากับเพื่อน อย่างที่รู้ๆ กันว่าชานชาลารถไฟญี่ปุ่นเป็นแบบเปิดโล่ง ไม่ติดแอร์ แล้วความเย็นนี้คือ??


ก้าวออกมาจากรถ หันมองหน้ากับเพื่อนอีกครั้ง

เฮ้ย โตเกียวหนาวว่ะ

 คืออะไร?? นี่ไม่ใช่หน้าร้อนหรอกหรอ? ถึงจะปลายๆ แล้วก็เหอะ ถึงฝนจะตกก็ไม่ควรเย็นขนาดนี้มั้ย อุณหภูมิจะแตะๆ 20 องศาอะค่ะ นี่หนาวกว่ากรุงเทพตอนลมหนาวพัดมาถึงอีกนะ


แล้วเสื้อผ้าที่เราเอามาก็เป็นเสื้อผ้าฤดูร้อนล้วนๆ กางเกงขาสั้น เสื้อแขนกุดเนื้อบาง ระบายความร้อนได้ดี แม้แต่เสื้อคลุมก็เป็นเสื้อคลุมฤดูร้อน ที่เน้นการกันแดดและระบายอากาศ ไม่มีอะไรที่จะให้ความอบอุ่นกับเราท่ามกลางอุณหภูมิระดับนี้ได้เลย แล้วเราเป็นคนขี้หนาวด้วย (และก็ขี้ร้อนด้วยเช่นกัน พวกความอดทนต่ำว่างั้นเหอะ) แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อะค่ะ จะให้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ก็ไม่ไหว เงินไม่ได้เยอะขนาดนั้น กระเป๋าก็เล็ก ไม่มีที่ให้ยัด เลยตัดสินใจทนๆไป


ลงจากชิงกันเซ็นแล้ว ก็เข้าช่อง Transfer เพื่อต่อรถไฟเข้าเมืองค่ะ ช่องตรวจตั๋วแบบ Transfer จะเก็บตั๋วที่นั่งไป และคืนตั๋วชิงกันเซ็นมาให้เราค่ะ ใช้ขึ้นรถไฟขบวนที่ไม่มีตู้ขายตั๋วได้ฟรีเลย รวมถึงสาย Keihin-Tohoku ที่เราจะขึ้นไปคามาตะกันด้วยค่ะ










Sotetsu Fresa Inn Tokyo Kamata



มาต่อกันที่โรงแรมค่ะ โรงแรมที่โตเกียวรอบนี้ก็ยังคงใช้บริการเจ้าเดิมค่ะ เนื่องจากประทับใจจากครั้งที่แล้ว เราจองห้องเตียงแฝด 3 คืน จากเว็บไซต์ Booking.com เหมือนเดิมค่ะ แต่รอบนี้ราคาขึ้นมาเป็น 33,000 เยน รอบนี้คงไม่เขียนอะไรมาก อยากรู้อะไรเพิ่มเติมกลับไปดูที่เคยเขียนไว้นะคะ


ห้องที่ได้รอบนี้เหมือนจะเล็กลงค่ะ วิวก็เป็นด้านหลังโรงแรมที่เป็นบ้านคน ไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ แต่ข้อดีของครั้งนี้คือห้องอยู่ติดตู้กดน้ำแข็งค่ะ ถึงอากาศจะเย็น แต่ก็ยังไม่เย็นจนหมดอารมณ์กินของเย็นๆค่ะ เพราะงั้นเลยเดินออกไปกดน้ำแข็งกันสำราญเลย เพราะมันอยู่ใกล้และกดฟรีค่ะ










สบู่ แชมพู และครีมนวดผม คราวนี้เหมือนจะเปลี่ยนแบรนด์ผู้ผลิตใหม่รึไงไม่รู้ค่ะ หน้าตาขวดเปลี่ยนไป กลิ่นจะออกตะไคร้ๆ สมุนไพรๆ หน่อย และคราวนี้มีฟองและความลื่นเหมือนสบู่และแชมพูทั่วๆไปแล้ว ไม่รู้สึกเหมือนอาบน้ำเปล่าอย่างครั้งก่อนแล้วค่ะ








ทำห้องรกก่อนถ่ายรูปอีกแล้วง่ะ อายจุง (แน่ใจนะว่าอายจริง)



มาถึงก็ซักผ้ากันก่อนเลยค่ะ ที่ชั้น 2 จะมีเครื่องซักผ้ากับเครื่องอบผ้าแบบหยอดเหรียญให้
เครื่องซักผ้า 300 เยน
เครื่องอบผ้า 100 เยน
ใช้เวลาซักและอบอย่างละประมาณครึ่งชั่วโมงได้มั้งคะ

ครั้งนี้ได้ลองใช้เครื่องอบผ้าด้วยค่ะ ถึงบนเสื้อผ้าของเราทุกชิ้นจะมีป้ายบอกว่าห้ามอบก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนะคะ อาจเพราะมันแค่ครั้งเดียวก็ได้มั้ง ถ้าอบบ่อยๆ ก็อาจจะพังได้เหมือนกัน

และเราก็พบว่า อบแล้วมันไม่ได้แห้งอะค่ะ แต่มันก็ช่วยลดเวลาในการตากลงได้หน่อย ครั้งที่แล้วซักกับปั่นหมาดอย่างเดียว ใช้เวลาตากอย่างน้อย 1 คืนกับอีก 1 วัน แต่รอบนี้ใช้เวลาแค่คืนเดียว เช้ามาก็เก็บได้แล้วค่ะ


บร๊ะเจ้า! นี่มันห้องน้ำหรือตู้เสื้อผ้ากันเนี่ย

คือมันไม่มีที่ตาก! ห้องน้ำคือดูโอเคที่สุดแล้ว ตอนอาบน้ำก็ขนออกมากองไว้ข้างนอกก่อน อาบเสร็จก็เอากลับเข้าไปเรียงไว้เหมือนเดิม






ส่วนนี่คือมื้อเย็นของวันนี้ค่ะ


เป็นซูชิกล่องที่ซื้อมาจากสถานีรถไฟชินโอซาก้า ราคา 850 เยน กะเอาขึ้นไปกินบนชิงกันเซ็น แต่เจอทาร์ตไข่เข้าไปเลยจอดกันซะก่อน ข้าวกล่องเลยกลายเป็นข้าวเย็นไปเลย เขาใส่น้ำแข็งแห้งมาให้ด้วยแหละ คือดูใส่ใจดีอะ แต่ไม่ได้เอามาถ่ายรูปด้วยนะคะ ที่เห็นเป็นซองๆ คือตะเกียบกับทิชชู่เปียกค่ะ

ส่วนรสชาติ ยอมรับว่าไม่ปลื้มง่ะค่ะ หน้าตาดูสวยงามน่ากินก็จริง แต่ข้าวก้อนใหญ่มาก อันนี้คงอัดมาให้อิ่มๆ เพราะคนญี่ปุ่นกินข้าวกันเก่งมาก แต่หน้าบางเฉียบจนแทบไม่รู้กลิ่นรสอะไรเลยอะค่ะ สัมผัสได้แต่ข้าว







วันนี้ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ ไม่ได้เที่ยวไหน เพราะกว่าจะมาถึงที่พักก็เย็นแล้ว เหนื่อยด้วย ฝนตกด้วย เลยแค่ซักผ้า กินข้าวเย็นที่ซื้อมาจากสถานีชินโอซาก้า ตกค่ำๆ ก็ออกไปเดินเล่นใกล้ๆ สักหน่อย ครั้งที่แล้วมายังไม่ได้สำรวจแถวนี้เลย พอลองเดินทะลุสถานีคามาตะมาอีกฝั่ง จะเจอ Sunrise Mall Kamata ที่เป็นช็อปปิ้งสตรีท ก็มีของกินของใช้ขายแบบช็อปปิ้งสตรีททั่วๆไปของญี่ปุ่นแหละค่ะ




เลยไปอีกหน่อยมีซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วย เลยลองเข้าไปเดินดู เหมือนจะได้มาแค่ขนมก๊อบแก๊บกับนมเปรี้ยว แต่เขาก็มีของขายเยอะอยู่นะ บรรยากาศข้างในคล้ายๆ ซุปเปอร์ที่อิเซตันที่เซ็นทรัลเวิลด์อะค่ะ แล้วเราก็ได้รู้ว่าที่ญี่ปุ่นเขาจะให้เราเอาของใส่ถุงเองอะ คือซื้อของ จ่ายเงิน แคชเชียร์จะให้ถุงหิ้วพลาสติกมาใบนึง ก็เอาของไปใส่ถุงตรงเคาน์เตอร์ที่เขาจัดไว้ให้ คงเพื่อความรวดเร็วเวลาคนเยอะๆ ละมั้ง








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น