วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2559

Summer in Japan Part 4.3 : Fushimi Inari


จาก คินคะคุจิ ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้าม แล้วขึ้นบัสกลับไปสถานีเกียวโตกันก่อนค่ะ บัสจากคินคะคุจิไปสถานีเกียวโตมี 2 สาย คือ 101 กับ 205 ค่ะ ค่ารถ 230 เยนตลอดสาย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที เราเจอ 205 ก่อน เลยขึ้น 205 ค่ะ



ความประทับใจต่อป้ายรถเมล์ที่ญี่ปุ่นคือ มันมีป้ายบอกด้วยว่ารถสายไหนกำลังมา และถึงไหนแล้ว ถึงจะเป็นแค่ป้ายพลาสติกเลื่อนๆ ไม่ได้เป็นจอ LED ไฮโซอะไร แต่เราก็ชอบมากค่ะ อยากให้บ้านเรามีอะไรแบบนี้บ้าง




พอขึ้นรถ มีผู้หญิงคนนึงพร้อมคนแก่ที่ต้องนั่งรถเข็นขึ้นรถไปด้วย เลยได้เห็นว่าเขาซัพพอร์ตกันดีจริงๆ ค่ะ ผู้หญิงที่ดูแลคนแก่เดินไปบอกคนขับรถว่ามีคนนั่งรถเข็นขึ้นด้วย คนขับจะลงมาแล้วเอาแผ่นกระดานปูตรงทางขึ้นรถ เพื่อให้เข็นรถเข็นขึ้นไปได้ บนรถจะมี priority seat ที่สามารถพับได้อยู่ คนขับจะไปขอที่นั่งนั้นจากผู้โดยสาร พับเก้าอี้ขึ้น แล้วเอารถเข็นไปไว้แทน ที่เหลือก็ยืนกันไป เราไม่เห็นเขาล็อครถเข็นไว้กับรถนะ แต่คนดูแลเขาก็ยืนจับไว้ตลอดเวลาค่ะ



รอบนี้เราโชคดีที่หาที่นั่งได้  เลยไม่ต้องทนยืนขาแข็งไปกว่าครึ่งชั่วโมงเหมือนตอนขามาอีก พอไปถึงสถานีเกียวโต ก็ขึ้นรถไฟ JR สายนาระ (Nara Line) มาลงที่สถานีอินาริ (稲荷駅Inari Station) ค่ารถ 140 เยน ออกมาเดินอีกแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงฟุชิมิอินาริแล้วค่ะ


หรือถ้าใครขึ้นรถไฟเคย์ฮัง (Keihan) มา ก็สามารถลงที่สถานีฟุชิมิอินาริได้เช่นกันค่ะ แต่จะเดินไกลกว่านิดหน่อย







ถึงแล้วค่ะ ฟุชิมิอินาริ



สวนหิน(?)







เรามาถึงค่อนข้างเย็นค่ะ ตอนนั้นก็ประมาณ 4 โมงครึ่งแล้ว



เผื่อใครสงสัย ฟุชิมิอินาริ คือศาลเจ้าที่มีซุ้มประตูแดงๆ เรียงกันเป็นอุโมงค์สวยๆ ยาวๆ นั่นล่ะค่ะ บางคนก็เรียกที่นี่ว่าศาลเจ้าสุนัขจิ้งจอก เพราะเทพอินาริที่สถิตอยู่ที่นี่มีสัตว์คู่กายเป็นสุนัขจิ้งจอก บ้างก็ว่าท่านชอบแปลงเป็นสุนัขจิ้งจอก รวมทั้งในเขตศาลเจ้าเองก็มีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกตั้งอยู่เป็นระยะ



แม้จะเย็นแล้ว และเป็นวันธรรมดา นักท่องเที่ยวก็ยังเยอะและคึกคักอยู่ค่ะ




โจสึฉะ อ่างใส่น้ำสำหรับชำระล้างร่างกายก่อนเข้าเขตศาลเจ้า วิธีใช้งานตามไปดูได้ที่พาร์ท สึมิโยชิไทฉะ ค่ะ (ความขี้เกียจ)




ซุ้มร้านขายของและอาหาร คงเพราะเย็นแล้ว เลยเก็บร้านกันไปเกือบหมดแล้วค่ะ







ศาลาใหญ่








สำหรับศาลเจ้าฟุชิมิอินารินี้ ถือเป็นศาลเจ้าใหญ่หรือไทฉะ (大社: taisha) ซึ่งเป็นต้นสังกัดของศาลเจ้าลูกที่นับถือเทพอินาริทั่วประเทศค่ะ รวมถึงในเขตศาลเจ้าก็มีศาลเล็กศาลน้อยตั้งอยู่อีกมากมาย















ถึงแล้วค่ะ ทางเดินซุ้มประตูแดงอันเลื่องชื่อ

ซุ้มประตูแดงเหล่านี้จะตั้งเรียงรายเป็นอุโมงค์ทางขึ้นเขาอินาริเป็นระยะทางเกือบ 5 กิโลเมตร ซึ่งต้องเดินเท้าขึ้นไป ถ้าจะเดินให้หมดคงต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ระหว่างทางเดินจะมีศาลเจ้าน้อยใหญ่ตั้งอยู่เป็นระยะ รวมทั้งมีห้องน้ำและจุดวกกลับสำหรับคนที่ตัดสินใจไม่ไปต่อด้วยค่ะ







รูปปั้นสุนัขจิ้งจอกหน้าทางเข้า






ผ่านเส้นทางแรกที่เป็นอุโมงค์คู่ขนานมาแล้วก็จะเจอศาลเจ้าด้านในค่ะ





มีแผ่นไม้รูปสุนัขจิ้งจอกให้เราวาดหน้าเองได้ด้วย





ออกเดินต่อไปค่ะ




ซุ้มประตูสีแดงมากมายเหล่านี้ มาจากเหล่าผู้มีจิตศรัทธาบริจาคให้ค่ะ เพราะเทพอินาริที่เป็นเทพแห่งกสิกรรมนี้ ได้รับการนับถือจากชาวญี่ปุ่นในด้านการอุปถัมภ์ค้ำชูกิจการให้เจริญรุ่งเรืองค่ะ สำหรับซุ้มประตูขนาดใหญ่อย่างนี้ ราคาก็เป็นล้านเยนอยู่ คงเป็นของพวกบริษัท ห้างร้าน กิจการใหญ่ๆ รวมทั้งบนเสาก็มีชื่อของผู้บริจาคจารึกไว้ด้วยค่ะ




ทางแยกเล็กๆ พาไปไหนไม่รู้ อ่านไม่ออก ถึงจะแอบสนใจ แต่ก็ไม่ได้ตามขึ้นไปเพราะเวลาเราน้อย







ผ่านเส้นทางที่ 2 มาได้ก็เจอทางแยกอีกครั้ง จะไปต่อหรือจะย้อนกลับ





บ่อน้ำชินอิเคะ (新池: Shin-ike)





Kumatakasha (熊鷹者)


ขึ้นมาถึงแค่ตรงนี้ก็ย้อนกลับค่ะ ตอนนี้ประมาณ 5 โมงเย็นแล้ว แถมแถวนี้ยังเป็นพื้นที่ป่าเขาอีกต่างหาก ถึงจะดูไม่น่าจะอันตรายอะไร และนักท่องเที่ยวก็ยังเยอะอยู่ แต่เราไม่อยากเสี่ยงค่ะ เพราะเรามาคนเดียวด้วย กว่าจะเดินย้อนกลับลงไปถึงข้างล่าง กว่าจะกลับไปถึงโอซาก้า และที่สำคัญคือแบตมือถือใกล้หมดแล้ว











รูปสำหรับฟุชิมิอินาริก็มีแค่นี้แหละค่ะ แบตมือถือใกล้หมดเลยไม่กล้าถ่ายอะไรต่อ เราเดินตามหนุ่มๆ กลุ่มนึงขึ้นมา แล้วเราก็เดินตามพวกนางกลับไปด้วย แต่คลาดกันตรงไหนสักที่ อยู่ดีๆ เราก็ไปโผล่ที่โซนบ้านคน ไม่รู้เป็นเส้นทางกลับปกติอยู่แล้วรึเปล่า แต่สุดท้ายก็ไปโผล่ข้างหน้าและกลับไปที่สถานีรถไฟได้แบบงงๆ ค่ะ


ขาลงนี่โคตรทรมานเลยค่ะคุณ ตอนขึ้นอาจจะเหนื่อยหน่อย แต่ก็สนุก แต่ตอนลงโคตรเจ็บเท้าอะ คือทางมันลาดลงไป แม้แต่ขั้นบันไดก็ยังลาด แต่ทางลาดแบบไม่มีบันไดเยอะกว่า คือมันต้องคอยเบรคตัวเองตลอดเวลา เราจะลงน้ำหนักที่ฝ่าเท้าเพื่อจิกพื้นไว้ พอมันต้องเบรคทุกก้าว ทุกจังหวะที่เดิน กว่าจะลงไปถึงพื้นราบได้มันก็เจ็บอะ


หลังจากนี้ก็ขึ้นรถไฟกลับโอซาก้าค่ะ เราขึ้นรถไฟ JR จากสถานีอินาริกลับไปสถานีเกียวโตก่อน แล้วถึงจะขึ้นรถ JR Rapid Service กลับไปที่โอซาก้า และต่อรถไฟ Loop Line กลับไปที่พักที่ชินอิมามิยะค่ะ





สำหรับที่ฟุชิมิอินารินี้ไม่มีเวลาปิดนะคะ เปิดตลอดและเข้าฟรี แต่เราไม่กล้าอยู่จนมืด เพราะมันเป็นป่าเขา และเราไปคนเดียว แต่ก็เห็นมีคนขึ้นไปชมวิวเกียวโตตอนกลางคืนบนเขาอยู่เหมือนกัน และดูเหมือนว่าจะมีไฟส่องสว่างตามทางเดินตอนกลางคืนด้วยค่ะ







 to be continue...






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น